คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 11/2560 เรื่อง การกำกับการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานของรัฐ เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2560 ที่ผ่านมา ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๑/๒๕๖๐ เรื่อง การกำกับการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานของรัฐ ตามที่รัฐบาลได้กําหนดนโยบายที่สําคัญในการบริหารประเทศโดยให้การเพิ่มศักยภาพ ทางเศรษฐกิจและความสามารถในการแข่งขันของประเทศเป็นเรื่องสําคัญที่ต้องเร่งดําเนินการ โดยเฉพาะโครงการลงทุนที่ต้องอาศัยเวลาดําเนินการในระยะยาว แต่ต้องเร่งดําเนินการให้ทันต่อการพัฒนาและความต้องการของประชาชนเพื่อก่อให้เกิดการพัฒนาด้านอื่น ๆ ตามมาอย่างต่อเนื่องโดยเร็ว เช่น การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมและการขนส่งที่มีมูลค่าสูงและต้องใช้เทคโนโลยีทันสมัย แต่ทั้งนี้การดําเนินการทุกขั้นตอนต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ และเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล รวมถึงหลักการและแนวทางของข้อตกลงคุณธรรม จึงจําเป็นต้องกําหนดให้มีกระบวนการกํากับการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานของรัฐให้เป็นไปตามหลักการและแนวทางดังกล่าว อันจะนําไปสู่การสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศที่เข้าร่วมในการดําเนินกิจการของรัฐ ส่งเสริมให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรม และเกิดความไว้วางใจแก่ประชาชน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิรูประเบียบบริหารราชการแผ่นดินและส่งผลต่อภาพลักษณ์อันดีของประเทศ โดยเฉพาะในระหว่างรอการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐซึ่งยังต้องใช้เวลาอีกหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาจึงจะมีผลใช้บังคับ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติโดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงมีคําสั่ง ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ในคําสั่งนี้ “การจัดซื้อจัดจ้าง” หมายความว่า การดําเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งพัสดุและการพัสดุของหน่วยงานของรัฐที่มีวงเงินตั้งแต่ห้าพันล้านบาทขึ้นไป ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้อยู่ภายใต้ คําสั่งนี้ “พัสดุ” หมายความว่า พัสดุตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ “การพัสดุ” หมายความว่า การพัสดุตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ “คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการกํากับการจัดซื้อจัดจาง้ “หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า ราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ องค์การมหาชน และสถาบันอุดมศึกษาในกํากับของรัฐ ข้อ ๒ ให้มีคณะกรรมการกํากับการจัดซื้อจัดจ้าง ประกอบด้วย (๑) ผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ (๒) ผู้อํานวยการสํานักงบประมาณ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ผู้อํานวยการสํานักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ และอัยการสูงสุด เป็นกรรมการ (๓) ผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี จํานวนไม่เกินสามคนเป็นกรรมการ ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการกํากับดูแลการจัดซื้อจัดจ้างของแต่ละโครงการ นายกรัฐมนตรี โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีอาจแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิจากองค์กรวิชาการหรือวิชาชีพที่เกี่ยวข้องกับ โครงการนั้น ๆ เพิ่มขึ้นอีกได้จํานวนไม่เกินสามคน เป็นกรรมการ (๔) อธิบดีกรมบัญชีกลาง เป็นกรรมการและเลขานุการให้อธิบดีกรมบัญชีกลางแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐจํานวนไม่เกินสองคนเป็นผู้ช่วยเลขานุการการประชุมของคณะกรรมการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการกําหนด ข้อ ๓ ประธานกรรมการตามข้อ ๒ (๑) และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตามข้อ ๒ (๓) ให้พิจารณาแต่งตั้งจากผู้ที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ หรือประสบการณ์ด้านวิศวกรรม สถาปัตยกรรมการเงิน การคลัง การบริหารจัดการ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หรือด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องและเป็นประโยชน์ต่อการกํากับการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานของรัฐ และต้องไม่เป็นข้าราชการการเมืองผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น กรรมการหรือผู้ดํารงตําแหน่งอื่นในพรรคการเมือง หรือเจ้าหน้าท่ของพรรคการเม ี ือง การดํารงตําแหน่งและการพ้นจากตําแหน่งของประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามที่นายกรัฐมนตรีกําหนด ข้อ ๔ ประธานกรรมการและกรรมการตามข้อ ๒ ต้องไม่เป็นผู้ที่มีส่วนได้เสียทั้งทางตรง และทางอ้อมในโครงการที่จะมีการจัดซื้อจัดจ้างซึ่งตนมีหน้าที่และอํานาจในการกํากับดูแลตามคําสั่งนี้ ทั้งนี้ หากมีกรณีดังกล่าวให้เลขานุการหรือคณะกรรมการรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบ เพื่อวินิจฉัยสั่งการตามที่เห็นสมควร ข้อ ๕ ให้คณะกรรมการมีหน้าที่และอํานาจ ดังต่อไปนี้ (๑) กํากับ เร่งรัด ติดตาม และตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานของรัฐตั้งแต่ขั้นตอนการจัดทําแผนการจัดซื้อจัดจ้างจนสิ้นสุดสัญญา ทั้งนี้ ในกรณีที่การจัดซื้อจัดจ้างเป็นไปตามมาตรฐานการจัดซื้อจัดจ้างของรัฐ หรือไม่มีความซับซ้อน หรืออยู่ภายใต้ข้อจํากัดตามกฎหมาย หรือระเบียบที่เกี่ยวข้อง คณะกรรมการอาจตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างเพียงบางส่วนหรือบางขั้นตอนก็ได้ (๒) สั่งการให้หน่วยงานของรัฐที่มีการจัดซื้อจัดจ้างกระทําการหรือไม่กระทําการใด ๆ หรือดําเนินการจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีการใด เพื่อให้การจัดซื้อจัดจ้างมีความโปร่งใสและเป็นธรรมตามหลักธรรมาภิบาล (๓) รับและพิจารณาข้อร้องเรียนจากภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน รวมทั้งจาก ผู้สังเกตการณตามข ์ ้อตกลงคุณธรรม เกี่ยวกับการปฏิบัติตามกฎหมาย ดังต่อไปนี้ ก. ระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ ข. ระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๙ ค. ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ ข้อบัญญัติ หรือข้อกําหนดใด ๆ เกี่ยวกับพัสดุ หรือการจัดซื้อจัดจ้างอื่นของหน่วยงานของรัฐที่ไม่อยู่ภายใต้บังคับของระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ หรือระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๙ ง. พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐพ.ศ. ๒๕๔๒ (๔) เร่งรัด ติดตาม และประเมินผลการปฏิบัติตามคําสั่งของคณะกรรมการ (๕) เรียกให้หน่วยงานของรัฐหรือบุคคลอื่นใดที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงหรือให้ถ้อยคํา หรือให้ส่งเอกสารหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบการพิจารณา (๖) แต่งตั้งคณะอนุกรรมการหรือคณะทํางานเพื่อช่วยเหลือการปฏิบัติงานได้ตามความจําเป็น (๗) ดําเนินการอื่นใดที่จําเป็นเพื่อประโยชน์ในการกํากับ เร่งรัด ติดตาม และตรวจสอบ การจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานของรัฐ (๘) รายงานผลการดําเนินการตามคําสั่งนี้ต่อนายกรัฐมนตรี (๙) ปฏิบัติงานอื่นใดตามที่นายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีมอบหมายในกรณีที่พิจารณาข้อร้องเรียนตาม (๓) แล้วรับฟังได้ว่า หน่วยงานของรัฐมิได้ปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวข้อง หรือมีการกระทําที่ส่อว่าเกิดการทุจริต ให้คณะกรรมการมีอํานาจ แจ้งให้สํานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สํานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ สํานักงานการตรวจเงินแผ่นดิน หรือหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องพิจารณาดําเนินการตามหน้าที่และอํานาจ หรือคณะกรรมการจะแจ้งหรือแนะนําให้หน่วยงานของรัฐที่มีการจัดซื้อจัดจ้างปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้อง ทั้งนี้ ในกรณีที่เห็นว่ามีเหตุจําเป็นจะเสนอแนะให้พิจารณาระงับการดําเนินการบางขั้นตอนไว้ก่อน หรือให้ดําเนินการต่อโดยเริ่มจากขั้นตอนหนึ่งขั้นตอนใดตามที่เห็นสมควรก็ได้ ข้อ ๖ เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบการดําเนินโครงการของรัฐที่ใช้งบประมาณในการดําเนินการที่มีวงเงินสูง หรือโครงการของรัฐที่อยู่ในความสนใจของประชาชน นายกรัฐมนตรีอาจมอบหมายให้คณะกรรมการพิจารณาตรวจสอบและให้ข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ต่อการดําเนินการโครงการดังกล่าวท่ีไม่อยู่ภายใต้บังคับของคําสั่งนี้ได้ ทั้งนี้ ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสนับสนุนข้อมูลตามที่คณะกรรมการร้องขอ ข้อ ๗ ให้กรมบัญชีกลางรับผิดชอบงานธุรการและสนับสนุนการทํางานของคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ หรือคณะทํางานที่แต่งตั้งขึ้นตามคําสั่งนี้ การเบิกจ่ายเบี้ยประชุม ให้เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยเบี้ยประชุมกรรมการส่วนค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการดําเนินการอื่น ๆ ที่จําเป็น ให้เบิกจ่ายได้ตามระเบียบของทางราชการโดยเบิกจ่ายจากงบประมาณของกรมบัญชีกลาง ข้อ ๘ ให้โครงการดังต่อไปนี้ และโครงการอื่นตามที่นายกรัฐมนตรีกําหนดซึ่งเป็นโครงการ ที่อยู่ระหว่างการดําเนินการในวันก่อนวันที่คําสั่งนี้มีผลใช้บังคับ อยู่ภายใต้การกํากับดูแล ของคณะกรรมการตามคําสั่งนี้ (๑) โครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายชายฝั่งทะเลตะวันออก ช่วงฉะเชิงเทรา - คลองสิบเก้า - แก่งคอย (๒) โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ - ขอนแก่น (๓) โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา - ชุมทางถนนจิระ (๔) โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงลพบุรี - ปากน้ําโพ (๕) โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงนครปฐม - หัวหิน (๖) โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงหัวหิน - ประจวบคีรีขันธ์ (๗) โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงประจวบคีรีขันธ์ - ชุมพร ข้อ ๙ ในวาระเริ่มแรก ให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้มีอํานาจแต่งตั้งประธานกรรมการและ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตามข้อ ๒ โดยมิให้นําความในข้อ ๓ วรรคหนึ่ง มาใช้บังคับ แล้วแจ้งคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ ข้อ ๑๐ ในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามคําสั่งนี้ให้นายกรัฐมนตรีมีอํานาจวินิจฉัย และคําวินิจฉัยให้เป็นที่สุด ข้อ ๑๑ ในกรณีเห็นสมควรนายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีอาจเสนอให้คณะรักษาความสงบ แห่งชาติแก้ไขเปลี่ยนแปลงคําสั่งนี้ได้ ข้อ ๑๒ คําสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๐ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ พระราชกฤษฎีกา ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ (ฉบับที่ 9) พ.ศ.2560เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2560 ทาง เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา http://www.mratchakitcha.soc.go.th/ ได้เผยแพร่ พระราชกฤษฎีกา ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ (ฉบับที่ 9) พ.ศ. 2560 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 22 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 และมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติการกําหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการจ่ายเงินบางประเภทตามงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. 2518 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ (อ่านทั้งหมดที่นี่) โดยมีมาตราสำคัญดังต่อไปนี้ มาตรา 7 ให้ยกเลิกความในมาตรา 27 แห่งพระราชกฤษฎีกาค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ พ.ศ. 2526 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2553 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน "มาตรา 27 การเดินทางไปราชการโดยเครื่องบิน ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ (1) ชั้นธุรกิจ สําหรับผู้ดํารงตําแหน่งดังต่อไปนี้ (ก) หัวหน้าคณะผู้แทนรัฐบาล (ข) ประธานรัฐสภา และรองประธานรัฐสภา (ค) ประธานวุฒิสภา และรองประธานวุฒิสภา (ง) ประธานสภาผู้แทนราษฎร และรองประธานสภาผู้แทนราษฎร (จ) รัฐมนตรี (ฉ) ผู้ดํารงตําแหน่งประเภทบริหารระดับสูง ตําแหน่งหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง หรือตําแหน่งที่เทียบเท่า สมุหราชองครักษ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารอากาศ และผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ (2) ชั้นประหยัด สําหรับผู้ดํารงตําแหน่งดังต่อไปนี้ (ก) ผู้ดํารงตําแหน่งประเภทบริหารระดับสูง ได้แก่ รองปลัดกระทรวง ผู้ตรวจราชการ อธิบดี หรือตําแหน่งที่เทียบเท่า ผู้ว่าราชการจังหวัด เอกอัครราชทูต ตําแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิตําแหน่งประเภทบริหารระดับต้น ตําแหน่งประเภทอํานวยการระดับสูง หรือตําแหน่งที่เทียบเท่า หรือข้าราชการทหารซึ่งมียศพลตรี พลเรือตรี พลอากาศตรี ขึ้นไป หรือข้าราชการตํารวจซึ่งมียศพลตํารวจตรีขึ้นไป (ข) ผู้ดํารงตําแหน่งประเภทวิชาการระดับเชี่ยวชาญ ตําแหน่งประเภททั่วไประดับทักษะพิเศษ ตําแหน่งประเภทอํานวยการระดับต้น ตําแหน่งประเภทวิชาการระดับชํานาญการพิเศษ ตําแหน่งประเภททั่วไประดับอาวุโส ตําแหน่งประเภทวิชาการระดับชํานาญการ ตําแหน่งประเภททั่วไประดับชํานาญงาน หรือข้าราชการทหารซึ่งมียศพันโท นาวาโท นาวาอากาศโท ขึ้นไป หรือข้าราชการตํารวจซึ่งมียศพันตํารวจโทขึ้นไป ทั้งนี้ นอกจากที่ระบุใน (ก) (ค) ผู้ดํารงตําแหน่งระดับ หรือยศ ต่ํากว่าที่ระบุใน (ก) หรือ (ข) เฉพาะกรณีที่มีความจําเป็นรีบด่วนเพื่อประโยชน์แก่ทางราชการ ในกรณีผู้เดินทางตาม (2) (ก) มีความจําเป็นต้องโดยสารเครื่องบินในชั้นที่สูงกว่าสิทธิให้ผู้ดํารงตําแหน่งที่เดินทางดังกล่าวสามารถเดินทางและเบิกค่าโดยสารเครื่องบินในชั้นที่สูงกว่าสิทธิได้ โดยต้องได้รับอนุมัติจากปลัดกระทรวงเจ้าสังกัด ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ สมุหราชองครักษ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารอากาศ และผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ สําหรับส่วนราชการใดที่ไม่มีปลัดกระทรวงให้ผู้บังคับบัญชาที่มีอํานาจเช่นเดียวกับปลัดกระทรวงเป็นผู้อนุมัติ การเดินทางซึ่งไม่เข้าหลักเกณฑ์ตาม (1) หรือ (2) จะเบิกค่าใช้จ่ายได้ไม่เกินค่าพาหนะในการเดินทางภาคพื้นดินระยะเดียวกันตามสิทธิซึ่งผู้เดินทางจะพึงเบิกได้" มาตรา 12 ให้ยกเลิกความในมาตรา 53 แห่งพระราชกฤษฎีกาค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ พ.ศ. 2526 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2553 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน "มาตรา 53 การเดินทางไปราชการต่างประเทศโดยเครื่องบินจากประเทศไทยไปต่างประเทศ หรือจากต่างประเทศกลับประเทศไทย หรือการเดินทางในต่างประเทศ สําหรับผู้ดํารงตําแหน่งดังต่อไปนี้ ให้เดินทางโดยชั้นหนึ่ง (1) หัวหน้าคณะผู้แทนรัฐบาล (2) ประธานรัฐสภา และรองประธานรัฐสภา (3) ประธานวุฒิสภา และรองประธานวุฒิสภา (4) ประธานสภาผู้แทนราษฎร และรองประธานสภาผู้แทนราษฎร (5) รัฐมนตรี (6) ผู้ดํารงตําแหน่งประเภทบริหารระดับสูง ตําแหน่งหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง หรือตําแหน่งที่เทียบเท่า สมุหราชองครักษ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารอากาศ ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ" มาตรา 13 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา 53/1 และมาตรา 53/2 แห่งพระราชกฤษฎีกาค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ พ.ศ. 2526 "มาตรา 53/1 การเดินทางไปราชการต่างประเทศโดยเครื่องบินจากประเทศไทยไปต่างประเทศ หรือจากต่างประเทศกลับประเทศไทย หรือการเดินทางในต่างประเทศที่มีระยะเวลาในการเดินทางตั้งแต่เก้าชั่วโมงขึ้นไป ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ (1) ชั้นหนึ่ง สําหรับผู้ดํารงตําแหน่งประเภทบริหารระดับสูง ได้แก่ รองปลัดกระทรวงผู้ตรวจราชการ อธิบดี หรือตําแหน่งที่เทียบเท่า ผู้ว่าราชการจังหวัด เอกอัครราชทูต หรือตําแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ หรือตําแหน่งที่เทียบเท่า หรือข้าราชการทหารซึ่งมียศพลเอก พลเรือเอก พลอากาศเอก พลโท พลเรือโท พลอากาศโท หรือข้าราชการตํารวจซึ่งมียศพลตํารวจเอก พลตํารวจโท (2) ชั้นธุรกิจหรือชั้นระหว่างชั้นหนึ่งกับชั้นประหยัด สําหรับผู้ดํารงตําแหน่งประเภทบริหารระดับต้น ตําแหน่งประเภทอํานวยการระดับสูง หรือตําแหน่งที่เทียบเท่า หรือข้าราชการทหารซึ่งมียศพลตรี พลเรือตรี พลอากาศตรี หรือข้าราชการตํารวจซึ่งมียศพลตํารวจตรี (3) ชั้นประหยัด สําหรับผู้ดํารงตําแหน่งระดับ ชั้น หรือยศ นอกจากที่ระบุใน (1) และ (2) ในกรณีผู้เดินทางตาม (2) มีความจําเป็นต้องโดยสารเครื่องบินในชั้นที่สูงกว่าสิทธิ ให้ผู้ดํารงตําแหน่งที่เดินทางดังกล่าวสามารถเดินทางและเบิกค่าโดยสารเครื่องบินในชั้นที่สูงกว่าสิทธิได้ โดยต้องได้รับอนุมัติจากปลัดกระทรวงเจ้าสังกัด ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ สมุหราชองครักษ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารอากาศ และผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ สําหรับส่วนราชการใดที่ไม่มีปลัดกระทรวงให้ผู้บังคับบัญชาที่มีอํานาจเช่นเดียวกับปลัดกระทรวงเป็นผู้อนุมัติ มาตรา 53/2 การเดินทางไปราชการต่างประเทศโดยเครื่องบินจากประเทศไทยไปต่างประเทศ หรือจากต่างประเทศกลับประเทศไทย หรือการเดินทางในต่างประเทศที่มีระยะเวลาในการเดินทางต่ํากว่าเก้าชั่วโมง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ (1) ชั้นธุรกิจ สําหรับผู้ดํารงตําแหน่งประเภทบริหารระดับสูง ได้แก่ รองปลัดกระทรวงผู้ตรวจราชการ อธิบดี หรือตําแหน่งที่เทียบเท่า ผู้ว่าราชการจังหวัด เอกอัครราชทูต หรือตําแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ หรือตําแหน่งที่เทียบเท่า หรือข้าราชการทหารซึ่งมียศพลเอก พลเรือเอก พลอากาศเอก พลโท พลเรือโท พลอากาศโท ข้าราชการตํารวจซึ่งมียศพลตํารวจเอก พลตํารวจโท (2) ชั้นประหยัด สําหรับผู้ดํารงตําแหน่งประเภทบริหารระดับต้น ตําแหน่งประเภทอํานวยการระดับสูง ตําแหน่งประเภทวิชาการระดับเชี่ยวชาญ ตําแหน่งประเภททั่วไประดับทักษะพิเศษ ตําแหน่งประเภทอํานวยการระดับต้น ตําแหน่งประเภทวิชาการระดับชํานาญการพิเศษ ตําแหน่งประเภททั่วไประดับอาวุโส ตําแหน่งประเภทวิชาการระดับชํานาญการ ตําแหน่งประเภททั่วไประดับชํานาญงาน ตําแหน่งประเภทวิชาการระดับปฏิบัติการ ตําแหน่งประเภททั่วไประดับปฏิบัติงาน หรือตําแหน่งที่เทียบเท่า หรือข้าราชการทหารซึ่งมียศพลตรี พลเรือตรี พลอากาศตรี ลงมา หรือข้าราชการตํารวจซึ่งมียศพลตํารวจตรี ลงมา ในกรณีผู้เดินทางตาม (1) และ (2) มีความจําเป็นต้องโดยสารเครื่องบินในชั้นที่สูงกว่าสิทธิให้ผู้ดํารงตําแหน่งที่เดินทางดังกล่าวสามารถเดินทางและเบิกค่าโดยสารเครื่องบินในชั้นที่สูงกว่าสิทธิได้โดยต้องได้รับอนุมัติจากปลัดกระทรวงเจ้าสังกัด ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ สมุหราชองครักษ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารอากาศ และผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ สําหรับส่วนราชการที่ไม่มีปลัดกระทรวง ให้ผู้บังคับบัญชาที่มีอํานาจเช่นเดียวกับปลัดกระทรวงเป็นผู้อนุมัติ เว้นแต่ผู้ดํารงตําแหน่งประเภทวิชาการระดับเชี่ยวชาญตําแหน่งประเภททั่วไประดับทักษะพิเศษ ตําแหน่งประเภทอํานวยการระดับต้น ตําแหน่งประเภทวิชาการระดับชํานาญการพิเศษ ตําแหน่งประเภททั่วไประดับอาวุโส ตําแหน่งประเภทวิชาการระดับชํานาญการ ตําแหน่งประเภททั่วไประดับชํานาญงาน ตําแหน่งประเภทวิชาการระดับปฏิบัติการ ตําแหน่งประเภททั่วไประดับปฏิบัติงาน หรือตําแหน่งที่เทียบเท่า หรือข้าราชการทหารซึ่งมียศพันเอก นาวาเอก นาวาอากาศเอกอัตราเงินเดือนพันเอกพิเศษ นาวาเอกพิเศษ นาวาอากาศเอกพิเศษ ลงมา หรือข้าราชการตํารวจซึ่งมียศพันตํารวจเอก อัตราเงินเดือนพันตํารวจเอกพิเศษ ลงมา ให้โดยสารชั้นประหยัด" หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ โดยที่การจ่ายเงินตามงบประมาณรายจ่ายในประเภทค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการตามพระราชกฤษฎีกาค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ พ.ศ. 2526 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ยังไม่เหมาะสมกับสภาวการณ์ปัจจุบัน สมควรแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว เพื่อปรับปรุงหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการจ่ายเงิน วิธีการเบิกจ่าย อัตราการจ่าย ของผู้มีสิทธิได้รับเงินประเภทดังกล่าว รวมทั้งหลักเกณฑ์อื่นที่เกี่ยวข้อง กรณีการเดินทางไปราชการชั่วคราวและราชการประจําในราชอาณาจักร และกรณีการเดินทางไปราชการต่างประเทศ จึงจําเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ ราคากลาง กับ ผู้รับจ้างไม่จด ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) กรณีมีหน่วยงานตรวจสอบ มีความเห็นว่า ส่วนราชการ / อปท. ทำให้ราชการเสียหาย โดยการไม่ปรับลดงบประมาณลงจากราคากลางก่อนทำสัญญาจ้าง เนื่องจากผู้รับจ้างไม่ได้จดภาษีมูลค่าเพิ่ม หน่วยงานตรวจสอบเห็นว่า ต้องปรับลดค่าก่อสร้างลงในส่วนที่เป็นภาษีมูลค่าเพิ่มในราคากลางงานก่อสร้างของราชการ หรือกรณี หน่วยงานตรวจสอบทักท้วงกรณีจ้างผู้รับจ้างที่ไม่จดภาษีมูลค่าเพิ่ม ที่เสนอราคาต่ำสุด โดยไม่เทียบกับราคาที่ยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มของผู้เสนอราคารายอื่นที่จดภาษีมูลค่าเพิ่ม ขอแสดงความเห็น เพื่อให้เพื่อนๆ พิจารณา ดังนี้ การจัดทำราคากลาง ตามหลักเกณฑ์ราคากลางงานก่อสร้างของราชการ มองในมุมผู้รับจ้างเป็นผู้มาทำงานก่อสร้างให้ราชการ ราชการจึงคิดค่าใช้จ่ายให้ผู้รับจ้าง ตามที่ผู้รับจ้างต้องจ่ายจริงและมีค่าตอบแทนให้กับผู้รับจ้าง คือกำไร หลักการที่สำคัญของการจัดทำราคากลางงานก่อสร้างของราชการคือ มองในมุมผู้รับจ้างเป็นผู้ดำเนินงานก่อสร้าง และเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างก่อน แล้ว จึงเบิกเงินจากราชการภายหลัง เมื่อผู้รับจ้างมีค่าใช้จ่ายอะไร ราชการก็จะคิดราคาให้ผู้รับจ้าง ตามที่ต้องจ่ายในการทำงานก่อสร้าง ให้กับราชการ ซึ่ง ค่าใช้จ่ายในการทำงานก่อสร้าง มี 2 ส่วน คือ 1.ค่างานต้นทุน ประกอบด้วย -ค่าวัสดุก่อสร้าง(รวมค่าขนส่ง) -ค่าแรงงานก่อสร้าง 2.ค่าดำเนินงานในการก่อสร้าง หรือที่เรียกว่า ค่า Factor F อันประกอบไปด้วย - ค่าอำนวยการ หรือ ค่าบริหารจัดการในการดำเนินงานก่อสร้าง - ดอกเบี้ย ที่ผู้รับจ้างไปกู้ยืมเงินจากธนาคารมาเพื่อทำงานกับราชการ - ภาษี ซึ่งหมายถึงภาษีที่ผู้รับจ้างต้องจ่าย ในการซื้อวัสดุก่อสร้าง อุปกรณ์ สินค้า หรือ จ้างบริการต่างๆ เพื่อดำเนินงานก่อสร้างให้สำเร็จตามโครงการ โดยหลักเกณฑ์ราคากลางได้กำหนดให้ใช้อัตราภาษีที่ใช้ในการคำนวณราคากลาง โดยให้เป็นไปตามอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยให้กำหนดเป็นตัวเลขกลม กรณี อัตราภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นเศษ ถ้าเศษถึง 0.50 ให้ปัดขึ้น ถ้าไม่ถึง 0.50 ให้ปัดลง (ดูแนวทางปฏิบัติ เกี่ยวกับหลักเกณฑ์การคำนวณราคากลางงานก่อสร้าง ข้อ 14) - กำไร เป็นค่าตอบแทน ที่ผู้รับจ้าง ต้องได้รับจากการที่ต้องลงทุนลงแรงในการประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง จากหลักเกณฑ์ราคากลาง จะเห็นว่า ไม่ว่าผู้รับจ้างจะจดภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่จดก็ตาม เมื่อ ประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง มาทำงานก่อสร้างให้กับราชการ ผู้รับจ้างก็ต้องมีค่าใช้จ่าย ในการเสียภาษี เท่าเทียมกัน (ให้คิดถึงเวลาเรา ไปซื้อของใน 7-11 เราไม่ได้จด Vat เราก็เสีย vat) ผู้รับจ้างที่ไม่ได้จด ภาษีมูลค่าเพิ่มไม่ได้ มีสิทธิ์พิเศษอะไร ที่จะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในส่วนที่เป็นภาษีในจัดซื้อสินค้าหรือจัดหาบริการมาดำเนินงานก่อสร้างให้กับราชการ ในทางตรงกันข้าม ผู้รับจ้างที่จดภาษีมูลค่าเพิ่ม สามารถขอคืนภาษีจากสรรพากรจากภาษีซื้อสินค้าและบริการเพื่อทำงานก่อสร้างให้กับราชการ ผู้รับจ้างที่จดภาษีมูลค่าเพิ่ม จึงได้รับประโยชน์จากระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม ที่จะสามารถ ขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มบางส่วนได้ แต่ ผู้รับจ้างที่ไม่จดภาษีมูลค่าเพิ่ม จะไม่สามารถขอคืนภาษีที่จ่ายไปในการซื้อสินค้าหรือบริการ เพื่อมาทำงานก่อสร้างให้กับส่วนราชการได้ กรณีที่เข้าใจว่า ผู้รับจ้างที่ไม่จดภาษีมูลค่าเพิ่ม ได้เปรียบผู้รับจ้างที่จดภาษีมูลค่าเพิ่ม จึงไม่ถูกต้อง เพราะ ตามหลักเกณฑ์ราคากลาง ผู้จ่ายภาษี คือ ผู้รับเหมาที่มารับจ้างก่อสร้าง ไม่ใช่ส่วนราชการผู้ว่าจ้าง กรณี ผู้รับจ้างไม่จด VAT กรมบัญชีกลางได้เคยตอบหนังสือหารือกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ตามหนังสือที่ กค(กวพ) 0421.3/04915 ลงวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2551 เรื่อง ข้อหารือเกี่ยวกับการเสนอราคาของผู้รับจ้างที่เป็นบุคคลธรรมดา ไม่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 7 ซึ่งมีสาระสำคัญ ดังนี้ “ราคากลางงานก่อสร้าง หมายถึง ราคาค่าก่อสร้างในงานก่อสร้าง ของทางราชการในแต่ละงาน/โครงการ ซึ่งได้จากการประเมิน หรือ คำนวณตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะรัฐมนตรีกำหนด ซึ่งเป็นราคาที่ทางราชการยอมรับไม่สูงจนผู้ประกอบการได้กำไรมากเกินกว่าที่ควรและไม่เป็นราคาที่ต่ำจนผู้ประกอบการไม่สามารถที่จะดำเนินการก่อสร้างได้ ดังนั้นราคากลางงานก่อสร้างของราชการ จึงไม่ใช่ราคามาตรฐานของงานก่อสร้างแต่เป็นราคาที่ได้จากการคำนวณตามหลักเกณฑ์ฯ” “หากผู้เสนอราคารายต่ำสุดได้เสนอราคา ถูกต้องตรงตามรายละเอียดและเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในเอกสารสอบราคา โดยเป็นราคาที่รวมภาษีทุกชนิดแล้วและเป็นผู้เสนอราคาต่ำสุด ส่วนราชการก็สามารถรับราคากับผู้เสนอราคารายนั้นได้ โดยมิจำเป็นต้องทำการเปรียบเทียบกับราคากลางหลังหักภาษีมูลค่าเพิ่มกับผู้เสนอราคารายอื่นอีก” กรณีตอบข้อหารือข้างต้นเป็นกรณีสอบราคา ส่วนกรณีตกลงราคา กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ได้เคยตอบข้อหารือของจังหวัดอำนาจเจริญ ตามหนังสือ ที่ มท 0808.2/7768 ลงวันที่ 2 กันยายน 2554 เรื่องหารือการเสนอราคาของผู้รับจ้างที่เป็นบุคคลธรรมดา ไม่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งยืนยันตามหลักการเดียวกับการเสนอราคา ตามที่กรมบัญชีกลางเคยวินิจฉัยไว้ ตามหนังสือที่ กค(กวพ) 0421.3/04915 ลงวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2551 เรื่อง ข้อหารือเกี่ยวกับการเสนอราคาของผู้รับจ้างที่เป็นบุคคลธรรมดา ไม่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 7 นอกจากนี้ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเอง ก็เคยตอบคำถาม กรณีผู้รับจ้างไม่ได้จดภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ ตามปรากฎในหนังสือ “คำถาม-คำตอบ การเงินการคลังขององค์การบริหารส่วนตำบล จากการสัมมนาเรื่อง มาตรการการตรวจเงินแผ่นดิน ระหว่างวันที่ 6 ตุลาคม 2546-วันที่ 15 มกราคม 2547” ซึ่งเป็นการตอบคำถาม ข้อ ฌ.5 ดังมีรายละเอียดดังนี้ จากการตอบคำถามของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นที่ ปรากฎ ในหนังสือ “คำถาม-คำตอบ การเงินการคลังขององค์การบริหารส่วนตำบล จากการสัมมนาเรื่อง มาตรการการตรวจเงินแผ่นดิน ระหว่างวันที่ 6 ตุลาคม 2546-วันที่ 15 มกราคม 2547” ซึ่งได้ตอบสอดคล้อง บนหลักการเดียวกับ หนังสือที่ กค(กวพ) 0421.3/04915 ลงวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2551 เรื่อง ข้อหารือเกี่ยวกับการเสนอราคาของผู้รับจ้างที่เป็นบุคคลธรรมดา ไม่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 7 ที่ส่วนราชการสามารถรับราคาผู้รับจ้างที่ไม่ได้จดภาษีมูลค่าเพิ่มที่เสนอราคาต่ำสุด และเป็นไปตามเงื่อนไข จากเอกสารราชการที่ยกข้างต้นจึงสามารถสรุปได้ว่า กรณี ส่วนราชการ / อปท. ที่ทำตกลงจ้างผู้รับจ้างที่ไม่ได้จดภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยตกลงจ้างตามราคากลางงานก่อสร้างของราชการ ไม่ได้หักภาษีมูลค่าเพิ่มออกจากราคากลาง ก่อนตกลงจ้าง หรือกรณีสอบราคาที่ ส่วนราชการจ้างผู้รับจ้างที่ไม่จดภาษีมูลค่าเพิ่ม ที่เสนอราคาต่ำสุดและเสนอเงื่อนไขถูกต้อง โดยไม่เทียบราคากับราคาที่ยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มของผู้เสนอราคารายอื่นที่จดภาษีมูลค่าเพิ่ม จึงเป็นการดำเนินการที่ชอบด้วยกฎหมาย ถูกต้องตามระเบียบของทางราชการแล้ว จึงไม่ได้เป็นกรณีที่ทำให้ราชการเสียหายตามที่หน่วยงานตรวจสอบ มีข้อทักท้วงแต่อย่างใด >>> ช่างถึก โยธาไทย <<< สนใจอบรม หลักเกณฑ์ราคากลางงานก่อสร้างของราชการและการใช้ค่าK http://training.yotathai.com/con-k.html <คลิก บัญชีราคามาตรฐานสิ่งก่อสร้าง ฉบับเดือนมกราคม 2560 โดยสำนักงบประมาณสำนักงบประมาณได้จัดทำบัญชีราคามาตรฐานสิ่งก่อสร้างขึ้นมา เพื่อให้ส่วนราชการใช้เป็นแนวทางในการจัดทำ งบประมาณรายจ่าย ประจำปีให้มีความเหมาะสม เป็นมาตรฐานเดียวกัน คู่มือการตรวจการจ้างและการควบคุมงานก่อสร้าง โดยกองอาคารและสถานที่ มหาวิทยาลัยขอนแก่นคู่มือการตรวจการจ้างและการควบคุมงานก่อสร้าง โดยงานก่อสร้างและซ่อมบำรุง กองอาคารและสถานที่ สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยขอนแก่น ในคู่มือเล่มนี้มีความรู้เกี่ยวกับงานก่อสร้าง ขั้นตอนต่างๆ มากมาย แนวทางสำหรับ การตรวจการจ้าง โดย กองโยธาธิการสำนักงานส่งกำลังบำรุง สำนักงานตำรวจแห่งชาติคู่มือแนวทางการตรวจการจ้างนี้ ทางกองโยธาธิการ สำนักงานส่งกำลังบำรุง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้จัดทำขึ้นเพื่อให้ข้าราชการตำรวจ สามารถตรวจรับการจ้างได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผลสูงสุด และ กลุ่มงานวิชาชีพและเชี่ยวชาญ ยธ.ได้รวบรวมเอกสาร แนวทางตรวจการจ้าง เพื่อเป็นแนวทางการใช้ ตรวจการจ้าง และตรวจงานก่อสร้างเบื้องต้น สำหรับข้าราชการตำรวจที่ไม่มีพื้นฐาน ด้านงานก่อสร้าง จะได้มีแนวทางในการตรวจสอบงานก่อสร้างได้ รวมแบบมาตรฐานกรมที่ดิน โดยฝ่ายแบบแผนและควบคุมการก่อสร้าง กองพัสดุ กรมที่ดินดูและdownloadแบบแยก - แบบและประมาณราคา ถนน ลานคอนกรีต - แบบและประมาณราคาที่เก็บหลักเขต ขนาด 36 ตารางเมตร - แบบและประมาณราคาที่เก็บหลักเขต ขนาด 18 ตารางเมตร - แบบและประมาณราคาบ้านพักข้าราชการ (บ้านเดี่ยว) - แบบและประมาณราคาบ้านพักข้าราชการ (บ้านแฝด) - แบบและประมาณราคาบ้านพักเรือนแถว 6 ห้อง - แบบและประมาณราคารั้วและป้ายสำนักงาน - แบบและประมาณราคาศาลาที่พักประชาชน - แบบและประมาณราคาเสาธงชาติ - แบบและประมาณราคาห้องน้ำประชาชน 1 - แบบและประมาณราคาห้องน้ำประชาชน 2 - แบบลานจอดรถ และระบบระบายน้ำ - แบบประตู รั้ว และป้ายสำนักงาน - แบบโรงจอดรถ - แบบอาคารสำนักงานที่ดิน ขนาดกลาง - แบบอาคารสำนักงานที่ดิน ขนาดใหญ่ - แบบอาคารสำนักงานที่ดิน ขนาดพิเศษ ประกาศคณะกรรมการค่าจ้างเรื่อง อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ (ฉบับที่ 8) และคำชี้แจง พร้อมตารางแสดงอัตราค่าจ้างขั้นต่ำตารางอัตราค่าจ้างขั้นต่ำใหม่ ตามประกาศคณะกรรมการค่าจ้าง เรื่อง อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ (ฉบับที่ 8) ซึ่งได้ประกาศให้มีผลใช้บังคับ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2560
ตารางแสดงอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ซึ่งบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๐ ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำทั่วประเทศแล้ว บังคับใช้ 1 มกราคม 2560วันนี้ (๗ ธ.ค.) ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ประกาศคณะกรรมการค่าจ้างเรื่อง อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ (ฉบับที่ ๘) ระบุว่า ด้วยคณะกรรมการค่าจ้างได้มีการประชุมศึกษาและพิจารณาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอัตราค่าจ้าง ที่ลูกจ้างได้รับอยู่ ประกอบกับข้อเท็จจริงอื่นตามที่กฎหมายกําหนด เมื่อวันที่ ๑๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ และมีมติเห็นชอบให้กําหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเพื่อใช้บังคับแก่นายจ้างและลูกจ้างทุกคน อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๗๙ (๓) และมาตรา ๘๘ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๑ คณะกรรมการค่าจ้างจึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศคณะกรรมการค่าจ้าง เรื่อง อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ (ฉบับที่ ๖) ลงวันที่ ๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๔ และประกาศคณะกรรมการค่าจ้าง เรื่อง อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ (ฉบับที่ ๗) ลงวันที่ ๑๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ ข้อ ๒ ให้กําหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเงินวันละสามร้อยสิบบาท ในท้องที่กรุงเทพมหานคร จังหวัดนครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี ภูเก็ต สมุทรปราการ และสมุทรสาคร ข้อ ๓ ให้กําหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเงินวันละสามร้อยแปดบาท ในท้องที่จังหวัดกระบี่ ขอนแก่น ฉะเชิงเทรา ชลบุรี เชียงใหม่ นครราชสีมา ปราจีนบุรี พระนครศรีอยุธยา พังงา ระยอง สงขลา สระบุรี และสุราษฎร์ธานี ข้อ ๔ ให้กําหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเงินวันละสามร้อยห้าบาท ในท้องที่จังหวัด กาญจนบุรี กาฬสินธุ์ กําแพงเพชร จันทบุรี ชัยนาท ชัยภูมิ เชียงราย ตราด ตาก นครนายก นครพนม นครสวรรค์ น่าน บึงกาฬ บุรีรัมย์ ประจวบคีรีขันธ์ พะเยา พัทลุง พิจิตร พิษณุโลก เพชรบุรี เพชรบูรณ์ แพร่ มหาสารคาม มุกดาหาร แม่ฮ่องสอน ยโสธร ร้อยเอ็ด ราชบุรี ลพบุรี ลําปาง ลําพูน เลย ศรีสะเกษ สกลนคร สตูล สมุทรสงคราม สระแก้ว สุโขทัย สุพรรณบุรี สุรินทร์ หนองคาย หนองบัวลําภู อ่างทอง อํานาจเจริญ อุดรธานี อุตรดิตถ์ อุทัยธานี และอุบลราชธานี ข้อ ๕ ให้กําหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเงินวันละสามร้อยบาท ในท้องที่จังหวัดชุมพร ตรัง นครศรีธรรมราช นราธิวาส ปัตตานี ยะลา ระนอง และสิงห์บุรี ข้อ ๖ เพื่อประโยชน์ตามข้อ ๒ ถึงข้อ ๕ คําว่า “วัน” หมายถึง เวลาทํางานปกติของลูกจ้าง ซึ่งไม่เกินชั่วโมงทํางานดังต่อไปนี้ แม้นายจ้างจะให้ลูกจ้างทํางานน้อยกว่าเวลาทํางานปกติเพียงใดก็ตาม (๑) เจ็ดชั่วโมง สําหรับงานที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพและความปลอดภัยของลูกจ้าง ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๔๑) ออกตามความในพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ (๒) แปดชั่วโมง สําหรับงานอื่นซึ่งไม่ใช่งานตาม (๑) ข้อ ๗ ห้ามมิให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างเป็นเงินแก่ลูกจ้างน้อยกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ข้อ ๘ ประกาศคณะกรรมการค่าจ้างฉบับนี้ ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๐ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ หม่อมหลวงปุณฑริก สมิติ ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการค่าจ้าง ค่าแรงขั้นต่ำใช้กับราคางานต่อหน่วย ในหลักเกณฑ์ราคากลางงานก่อสร้างชลประทาน เมื่อมีการเปลี่ยนแปลง งานชลประทานจะใช้ได้ทันที ระบบเผยแพร่ราคาประเมินราคา ที่ดินผ่านเว็บไซต์ โดยกรมธนารักษ์ กระทรวงมหาดไทยทางเว็บไซต์ ระบบเผยแพร่ราคาประเมินราคา ที่ดินผ่านเว็บไซต์ ของกรมธนารักษ์ กระทรวงมหาดไทย http://property.treasury.go.th/pvmwebsite/index.asp ได้เปิดให้บริการค้นหาราคาประเมินที่ดินผ่านทางเว็บไซต์ ซึ่งการค้นหาราคาประเมินจะประกอบไปด้วย
1.ราคาประเมินที่ดิน จากเลขโฉนด 2.ราคาประเมินที่ดิน จากเลขที่ดิน 3.ราคาประเมินที่ดิน นส.3ก 4.ราคาประเมินที่ดินรายบล็อก 5.สรุปราคาประเมินทุนทรัพย์ที่ดิน 6.ราคาประเมินอาคารชุด 7.ราคาประเมินสิ่งปลูกสร้าง ข้อดี คือ ได้ทราบราคาประเมินที่อัพเดท บางพื้นที่สามารถใช้เป็นราคาขายได้เลย ส่วนใหญ่ประโยชน์ของราคาประเมินคือ ไว้คิดค่าใช้จ่าย ณ กรมที่ดิน ข้อเสีย (ในขั้นต้น) คือ ราคาที่เราจะสามารถตรวจสอบ อาจจะยังไม่ครอบคลุมทั่วประเทศ ในระยะแรก อาจจะทำได้แค่บางพื้นที่ (ซึ่งตอนนี้ก็เพิ่มพื้นที่มากขึ้นพอสมควร) โดยสามารถเข้าค้นหาราคาประเมินได้ที่ เว็บไซต์ ระบบเผยแพร่ราคาประเมินราคาผ่านเว็บไซต์ ของกรมธนารักษ์ คลิก ที่ มท 0808.2/ว2409 ลว 17 พ.ย. 2559 เรื่อง ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินตอบแทนการปฏิบัติงานนอกเวลาราชการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2559คู่มือติดตั้งป้ายจราจร โดยกรมทางหลวงชนบท เมษายน 2556คู่มือแสดงรายละเอียดการติดตั้งป้าย ของกรมทางหลวงชนบท ปรับปรุงแทนฉบับเดิมปี 2547 จัดแบ่งเนื้อหาออกเป็น 10 บท บทที่ 1 บททั่วไป บทที่ 2 ประเภทของป้ายจราจรบริเวณทางแยก บทที่ 3 ป้ายจราจรมาตรฐานสูง บทที่ 4 การกำหนดชื่อจุดหมายปลายทาง บทที่ 5 การติดตั้ง ป้ายจราจรบริเวณทางแยก บทที่ 6 การติดตัง้ ป้ายจราจร VMS- Variable Message Sign บทที่ 7 ป้ายท่องเที่ยว บทที่ 8 ป้ายเตือนระหว่างก่อสร้าง บทที่ 9 ป้ายกิโลเมตร บทที่ 10 ป้ายทางจักรยาน รวมข้อหารือเกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร ปี 2545 - 2559รวมข้อหารือเกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร ปี 2545-2559 รวมท้้งหมด 9 เล่ม ด้วยกัน ดังนี้ เล่มที่ 1-7 เป็นเป็นหนังสือที่กรมโยธาธิการและผังเมืองได้รวมรวมการตอบปัญหา ข้อหารือ เกี่ยวกับการปฏิบัติตามกฎหมายควบคุมอาคาร ไว้ รวม 7 เล่ม ตั้งแต่ ปี 2545 - 2555 ซึ่ง หนังสืออาจจะมีมากกว่านี้ ที่เอามานำเสนอเป็นเฉพาะส่วนที่โยธาไทยรวมรวบได้ เล่นที่ 8 เป็นหนังสือรวมข้อหารือเกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร ปี 2557 โดย สำนักควบคุมและตรวจสอบอาคาร กรมโยธาธิการและผังเมือง เล่นที่ 9 เป็นหนังสือรวมข้อหารือเกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร ปี 2558 โดย สำนักควบคุมและตรวจสอบอาคาร กรมโยธาธิการและผังเมือง เล่มที่ 10 เป็นหนังสือ รวมข้อหารือและคำวินิจฉัยอุทธรณ์เกี่ยวกับ พรบ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 ประจำปีงบประมาณ 2559 (ตุลาคม 2558 - กันยายน 2559) รวมรวมโดย ช่างอ่าง ธราเทพ ทองเบ้า ทางโยธาไทยได้รวบรวมและ เผยแพร่ เพื่อเป็นความรู้และแนวทางในการปฏิบัติตามกฎหมายควบคุมอาคารให้ถูกต้องสำหรับประชาชน ส่วนราชการ และ หน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ด่วนที่สุด ที่ กค 0405.3/ว 423 ลงวันที่ 31 ตุลาคม 2559 แจ้งการใช้งานระบบคำนวณราคากลางงานก่อสร้างของทางราชการด้วยอิเล็กทรอนิกส์ของหน่วยงานนำร่องด้วยคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2559 รับทราบผลการพัฒนาระบบคำนวณราคากลางงานก่อสร้างของทางราชการด้วยอิเล็กทรอนิกส์ และการทบทวนและปรับปรุงหลักเกณฑ์การคำนวณราคากลางงานก่อสร้าง ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยระบบคำนวณราคากลางงานก่อสร้างฯ กำหนดการเริ่มใช้งานนำร่องกับส่วนราชการ 4 หน่วยงานได้แก่ กรมโยธาธิการและผังเมือง , กรมทางหลวง , กรมทางหลวงชนบท และกรมชลประทาน ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2559 กรมบัญชีกลาง จึงขอเริ่มใช้งานจริงระบบคำนวณราคากลางงานก่อสร้างของทางราชการด้วยอิเล็กทรอนิกส์กับโครงการงานก่อสร้างที่มีวงเงินเกิน 2 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 20 ล้านบาท ตั้งแต่ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2559 เป็นต้นไป ทั้งนี้ สำหรับโครงการที่ได้ดำเนินการคำนวณราคากลางตามหลักเกณฑ์และวิธีที่กำหนดไว้เดิม และหัวหน้าส่วนราชการได้ให้ความเห็นชอบ ก่อนวันที่ 1 พฤศจิกายน 2559 และหน่วยงานได้บันทึกในระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วยอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Government Procurement . e-GP) ไว้แล้ว ก็ให้ดำเนินการต่อไป ม.44 คงอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ต่อไปอีก 1 ปี จนถึง 1 ตุลาคม 2560 ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่คําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 65/2559 เรื่องการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม มีใจความว่า โดยที่สภาพเศรษฐกิจของประเทศยังอยู่ในสภาวะชะลอตัว หากมีการปรับเพิ่มอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม ในขณะนี้ อาจส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของภาคเอกชนและเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม ดังนั้น เพื่อเป็นการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน รวมถึงเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในการประกอบธุรกิจ ให้กับภาคเอกชน อันจะส่งผลให้การบริโภคและการลงทุนของประเทศมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และมั่นคงยิ่งขึ้น ประกอบกับยังไม่อาจดําเนินการตราพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มได้ในขณะนี้ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติโดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงมีคําสั่ง ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตรา ภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๕๙๒) พ.ศ. ๒๕๕๘ ข้อ ๒ ให้ลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา ๘๐ แห่งประมวลรัษฎากร และคงจัดเก็บ ในอัตรา ดังต่อไปนี้ (๑) ร้อยละหกจุดสาม สําหรับการขายสินค้า การให้บริการ หรือการนําเข้าทุกกรณี ซึ่งความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๐ (๒) ร้อยละเก้า สําหรับการขายสินค้า การให้บริการ หรือการนําเข้าทุกกรณี ซึ่งความรับผิด ในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ เป็นต้นไป ข้อ ๓ ในกรณีเห็นสมควร นายกรัฐมนตรีหรือหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องอาจเสนอให้ คณะรักษาความสงบแห่งชาติแก้ไขเปลี่ยนแปลงคําสั่งนี้ได้ ข้อ ๔ คําสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ ๑ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๕๙ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ กค 0405.3/ว 412 ลงวันที่ 18 ตุลาคม 2559 เรื่อง การประกาศอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับใช้เป็นเกณฑ์ในการคำนวณราคากลางงานก่อสร้างตามหนังสือที่อ้างถึง ได้แจ้งประกาศกรมบัญชีกลาง ลงวันที่ 16 พฤษภาคม 2559 เรื่อง อัตราดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับใช้เป็ฯเกณฑ์ในการคำนวนราคากลางงานก่อสร้าง ซึ่งได้กำหนดและประกาศให้ใช้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ร้อยละ 6.00 ต่อปี สำหรับการคำนวณราคากลางงานก่อสร้างตามหลักเกณฑ์การคำนวณราคากลางงานก่อสร้างมาเพื่อทราบ และแจ้งให้เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งหน่วยงานในสังกัดทราบถือปฎิบัติต่อไป กรมบัญชีกลางจึงกำหนดและประกาศให้ใช้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับใช้เป็นเกณฑ์ในการคำนวณราคากลางงานก่อสร้าง ตามหลักเกณฑ์การคำนวณราคากลางงานก่อสร้าง ที่อัตราร้อยละ 6.00 ต่อปี จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง กำหนดการเริ่มใช้งานระบบคำนวณราคากลางงานก่อสร้างของทางราชการด้วยอิเล็กทรอนิกส์ ตามหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ นร 0505/38328 ลงวันที่ 12 ตุลาคม 2559คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพัฒนาระบบคำนวณราคากลางงานก่อสร้างของทางราชการด้วยอิเล็กทรอนิกส์ และการทบทวนและปรับปรุงหลักเกณฑ์การคำนวณราคากลางงานก่อสร้าง ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑. การพัฒนาระบบคำนวณราคากลางงานก่อสร้างของทางราชการด้วยอิเล็กทรอนิกส์ กำหนดให้ผู้มีหน้าที่คำนวณราคากลางต้องถอดแบบก่อสร้างให้ได้รายการและปริมาณงานเพื่อนำเข้าไปคำนวณราคากลางในระบบ จากนั้นระบบจะเชื่อมโยงข้อมูลราคาวัสดุก่อสร้างจากกระทรวงพาณิชย์ และข้อมูลรายละเอียดประกอบการคำนวณราคากลางงานก่อสร้าง เช่น ค่าแรงงานจากบัญชีค่าแรงงาน ค่าดำเนินการจากตารางค่า Operating Cost และค่าขนส่งจากตารางค่าขนส่งวัสดุก่อสร้าง มาใช้ในการคำนวณ ส่วนงานก่อสร้างที่ต้องคำนวณค่างานต้นทุนต่อหน่วย (Unit Cost) ระบบจะประมวลผลโดยใช้สูตรที่กำหนดไว้แล้วในระบบมาคำนวณค่างานต้นทุนต่อหน่วยตามที่หลักเกณฑ์กำหนดให้โดยอัตโนมัติ และเมื่อรวมค่างานต้นทุนทั้งโครงการก่อสร้างแล้ว ระบบจะประมวลและนำค่า Factor F มาคำนวณเป็นราคากลางงานก่อสร้างของโครงการนั้น ๆ และเมื่อคำนวณได้ราคากลางเรียบร้อยแล้ว ระบบจะส่งข้อมูลราคากลางและรายงานการคำนวณราคากลางไปยังระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วยอิเล็กทรอนิกส์ (e-GP) เพื่อดำเนินการจัดจ้างก่อสร้างต่อไป โดยจะใช้นำร่องกับ ๔ หน่วยงาน ได้แก่ กรมโยธาธิการและผังเมือง กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท และกรมชลประทาน ในวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ สำหรับส่วนราชการอื่น ๆ จะเริ่มใช้งานตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๐ เป็นต้นไป ๒. การปรับปรุงหลักเกณฑ์การคำนวณราคากลางงานก่อสร้างตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๕๕ กระทรวงการคลังได้กำหนดให้หน่วยงานที่จะมีการจัดจ้างก่อสร้างต้องประกาศเปิดเผยข้อมูลราคากลางทางเว็บไซต์ของหน่วยงาน และเว็บไซต์การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐของกรมบัญชีกลาง (www.gprocurement.go.th) รวมทั้งได้ทบทวนและปรับปรุงข้อกำหนดต่าง ๆ ได้แก่ บัญชีค่าแรงงาน ข้อกำหนดเกี่ยวกับราคาและแหล่งวัสดุก่อสร้าง อัตราดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับใช้เป็นเกณฑ์ในการคำนวณค่าดอกเบี้ย ปรับปรุงหลักเกณฑ์เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายพิเศษ ค่าใช้จ่ายอื่นที่จำเป็น และโครงสร้างค่าใช้จ่าย รวมถึงได้จัดทำตาราง Factor F เพื่อให้สอดคล้องกับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานก่อสร้างที่เป็นปัจจุบัน กำหนดการเริ่มใช้งานระบบคำนวณราคากลางงานก่อสร้างของทางราชการด้วยอิเล็กทรอนิกส์
สำหรับรัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จะใช้งานระบบคำนวณราคากลางงานก่อสร้างของทางราชการด้วยอิเล็กทรอนิกส์ เมื่อระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยหลักเกณฑ์การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ... ซึ่งออกตามพระราชบัญญิติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.... มีผลบังคับใช้แล้ว คู่มือการตรวจสอบเงินชดเชยค่างานก่อสร้าง(ค่าK) มติคณะรัฐมนตรีและหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องคู่มือการตรวจสอบเงินชดเชยค่างานก่อสร้าง(ค่าK) มติคณะรัฐมนตรีและหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง รวบรวมและจัดทํา โดยสํานักมาตรฐานงบประมาณ จัดพิมพ์ครั้งที่ 3 พ.ศ.2555 เอกสารไฟล์ PDF 196 หน้า ขนาดไฟล์ 9 MB กฎกระทรวงกำหนดวิชาชีพสถาปัตยกรรมควบคุม พ.ศ. 2549 และกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้องอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๔ และมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติสถาปนิก พ.ศ. ๒๕๔๓ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๙ และมาตรา ๕๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ในกฎกระทรวงนี้ “สาขาสถาปัตยกรรมหลัก” หมายความว่า วิชาชีพสถาปัตยกรรมที่ใช้ศาสตร์และศิลป์ในการออกแบบวางผังอาคารเพื่อสร้างสรรค์องค์ประกอบทางกายภาพของอาคาร ส่วนประกอบอาคาร และสภาพแวดล้อมที่เกี่ยวกับอาคาร “สาขาสถาปัตยกรรมผังเมือง” หมายความว่า วิชาชีพสถาปัตยกรรมที่ใช้ศาสตร์และศิลป์ในการออกแบบวางผังเพื่อสร้างสรรค์องค์ประกอบและสภาพแวดล้อมทางกายภาพของเมือง ชุมชนเมือง ชุมชน และโครงการกลุ่มอาคารที่มีการใช้งานประเภทเดียวกันหรือหลายประเภท รวมถึงการวางผังเพื่อกำหนดกิจกรรม พื้นที่ ขนาด ความหนาแน่น ความสูง ที่โล่งหรือที่ว่างระหว่างอาคาร และโครงสร้างระบบสาธารณูปโภคและสาธารณูปการภายในพื้นที่ดังกล่าว “สาขาภูมิสถาปัตยกรรม” หมายความว่า วิชาชีพสถาปัตยกรรมที่ใช้ศาสตร์และศิลป์ในการออกแบบวางผังบริเวณเพื่อสร้างสรรค์องค์ประกอบทางกายภาพของสภาพแวดล้อมทางภูมิทัศน์ในชุมชนและพื้นที่ธรรมชาติทั้งที่เกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้องกับอาคาร “สาขาสถาปัตยกรรมภายในและมัณฑนศิลป์” หมายความว่า วิชาชีพสถาปัตยกรรมที่ใช้ศาสตร์และศิลป์ในการออกแบบเพื่อสร้างสรรค์องค์ประกอบทางกายภาพและสภาพแวดล้อมภายในอาคาร ข้อ ๒ วิชาชีพสถาปัตยกรรมควบคุม ได้แก่ วิชาชีพสถาปัตยกรรมในสาขา ดังต่อไปนี้ (๑) สาขาสถาปัตยกรรมหลัก ในงานตามข้อ ๓ ยกเว้นการออกแบบวางผังอาคารที่อยู่อาศัยส่วนบุคคลพื้นที่รวมกันไม่เกิน ๑๕๐ ตารางเมตร หรืออาคารเพื่อการเกษตรพื้นที่ไม่เกิน ๔๐๐ ตารางเมตร (๒) สาขาสถาปัตยกรรมผังเมือง ในงานตามข้อ ๓ ที่เกี่ยวกับการวางผังสำหรับพื้นที่หรือกลุ่มอาคาร ดังต่อไปนี้ (ก) พื้นที่ที่มีการใช้บังคับผังเมืองรวมและจัดทำผังเมืองเฉพาะตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง (ข) พื้นที่ที่มีการจัดรูปที่ดินตามกฎหมายว่าด้วยการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ (ค) พื้นที่ที่มีการจัดสรรที่ดินตามกฎหมายว่าด้วยการจัดสรรที่ดิน (ง) พื้นที่อนุรักษ์ศิลปกรรมและสิ่งแวดล้อมตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (จ) พื้นที่ในเขตเพลิงไหม้ตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร หรือพื้นที่ที่มีภัยพิบัติและอุบัติภัยตามที่กฎหมายกำหนด (ฉ) นิคมอุตสาหกรรมตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือพื้นที่พัฒนาพิเศษตามที่กฎหมายกำหนด (ช) กลุ่มอาคารที่ประกอบด้วยอาคารขนาดใหญ่ อาคารขนาดใหญ่พิเศษ อาคารสาธารณะ อาคารสูง และอาคารพิเศษตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารที่มีพื้นที่รวมกันตั้งแต่ ๓๐,๐๐๐ ตารางเมตรขึ้นไป (๓) สาขาภูมิสถาปัตยกรรม ในงานตามข้อ ๓ สำหรับพื้นที่หรือบริเวณ ดังต่อไปนี้ (ก) พื้นที่สาธารณะ หรือบริเวณอาคารสาธารณะ (ข) พื้นที่ที่ให้บุคคลทั่วไปเข้าไปใช้สอยได้ที่มีพื้นที่ตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ตารางเมตรขึ้นไป หรือชุมนุมคนได้ตั้งแต่ ๕๐๐ คนขึ้นไป (ค) พื้นที่ที่มีการจัดสรรที่ดินตามกฎหมายว่าด้วยการจัดสรรที่ดิน ยกเว้นพื้นที่เกษตรกรรมและพื้นที่พักอาศัยส่วนบุคคล (๔) สาขาสถาปัตยกรรมภายในและมัณฑนศิลป์ ในงานตามข้อ ๓ สำหรับพื้นที่ภายในอาคารสาธารณะที่มีพื้นที่ตั้งแต่ ๕๐๐ ตารางเมตรขึ้นไป ข้อ ๓ งานในวิชาชีพสถาปัตยกรรมควบคุมแต่ละสาขา มีดังต่อไปนี้ (๑) งานศึกษาโครงการ หมายถึง การศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ การกำหนดความต้องการและข้อจำกัดเป็นโครงการย่อ การจัดทำสาระความต้องการสำหรับการออกแบบโครงร่างของโครงการ การจัดทำแผนงาน และการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับโครงการ (๒) งานออกแบบ หมายถึง การกำหนดรายละเอียดโครงการ การกำหนดแนวความคิดในการออกแบบและวางผัง การพัฒนารูปแบบ การจัดทำแบบและเอกสารการก่อสร้าง การกำหนดรูปแบบและรายการวัสดุก่อสร้าง การประมาณราคาค่าก่อสร้าง และการตรวจสอบรูปแบบระหว่างการก่อสร้างในงานสถาปัตยกรรมทั้งที่ก่อสร้างใหม่ ดัดแปลง รื้อถอน เคลื่อนย้าย บูรณะ ฟื้นฟู หรืออนุรักษ์ (๓) งานบริหารและอำนวยการก่อสร้าง หมายถึง การบริหารจัดการและจัดทำแผนการบริหารโครงการ การกำหนดหลักเกณฑ์โครงการ การคำนวณราคาและควบคุมค่าก่อสร้าง การควบคุมการก่อสร้างดัดแปลง ซ่อมแซม รื้อถอน หรือเคลื่อนย้ายอาคารหรือสิ่งก่อสร้างให้เป็นไปตามรูปแบบรายการและสัญญา การวินิจฉัยแผนงานและวิธีการก่อสร้าง การรับรองผลการทดสอบวัสดุและอุปกรณ์ที่ใช้ในโครงการ และให้หมายความรวมถึงการวางแผนการดำเนินงาน การบำรุงรักษาและการบริหารจัดการทรัพย์สินอาคารในงานสถาปัตยกรรมทั้งที่ก่อสร้างใหม่ ดัดแปลง รื้อถอน เคลื่อนย้าย บูรณะ ฟื้นฟูหรืออนุรักษ์ (๔) งานตรวจสอบ หมายถึง การสำรวจ การค้นคว้า การวิเคราะห์ การทดสอบ รวมทั้งการหาข้อมูลและสถิติต่าง ๆ เพื่อเป็นหลักเกณฑ์ประกอบการตรวจสอบรูปแบบ อุปกรณ์ประกอบของอาคาร ระบบสุขอนามัยหรือสิ่งแวดล้อม ระบบป้องกันและระงับอัคคีภัย ระบบบริหารจัดการเพื่อความปลอดภัยในอาคารหรือสิ่งก่อสร้าง งานตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรง ความปลอดภัยในอาคารในด้านสถาปัตยกรรมควบคุม รวมทั้งงานระบบอาคารที่เกี่ยวข้อง และการออกเอกสารรับรองผลการตรวจสอบ (๕) งานให้คำปรึกษา หมายถึง การให้ข้อเสนอแนะหรือการตรวจสอบเพื่อให้คำปรึกษาในงานตาม (๑) (๒) (๓) หรือ (๔) ข้อ ๔ ให้ผู้ซึ่งได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพสถาปัตยกรรมควบคุมในสาขาสถาปัตยกรรมหลัก สาขาสถาปัตยกรรมผังเมือง สาขาภูมิสถาปัตยกรรม หรือสาขาสถาปัตยกรรมมัณฑนศิลป์อยู่ก่อนวันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพในสาขาสถาปัตยกรรมหลัก สถาปัตยกรรมผังเมือง สาขาภูมิสถาปัตยกรรม หรือสาขาสถาปัตยกรรมภายในและมัณฑนศิลป์ตามกฎกระทรวงนี้ตามลำดับ ข้อ ๕ ผู้ใดประกอบการงานในวิชาชีพสถาปัตยกรรมควบคุมโดยไม่ได้รับใบอนุญาตอยู่ก่อนวันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ ถ้าประสงค์จะประกอบวิชาชีพสถาปัตยกรรมควบคุมต่อไป ต้องยื่นคำขอรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพสถาปัตยกรรมควบคุมตามสาขาที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงนี้ภายในสองปีนับแต่วันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ และเมื่อยื่นคำขอรับใบอนุญาตแล้วให้ผู้นั้นประกอบการงานในวิชาชีพสถาปัตยกรรมควบคุมต่อไปได้จนกว่าจะได้รับแจ้งการไม่ออกใบอนุญาตจากสภาสถาปนิก หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ เนื่องจากมาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัติสถาปนิก พ.ศ. ๒๕๔๓ กำหนดให้วิชาชีพสถาปัตยกรรมควบคุมเป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง จึงจำเป็นต้อง ออกกฎกระทรวงนี้ งาน ประเภท และขนาด ที่ต้องมีสถาปนิกที่ได้รับใบอนุญาต แต่ละสาขาเป็นผู้ดำเนินการ ตามพระราชบัญญัติสถาปนิก พ.ศ. 2543 มาตตรา 4 กฎกระทรวงฉบับที่ 56 พ.ศ.2543 ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร |
ข้อบังคับสภาวิศวกร ว่าด้วยหลักเกณฑ์และคุณสมบัติของผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมแต่ละระดับ สาขาวิศวกรรมโยธา พ.ศ. ๒๕๕๑
ข้อ ๑ ข้อบังคับนี้เรียกว่า “ข้อบังคับสภาวิศวกร ว่าด้วยหลักเกณฑ์และคุณสมบัติของผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมแต่ละระดับ สาขาวิศวกรรมโยธา พ.ศ. ๒๕๕๑
ข้อ ๒ ข้อบังคับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ ๓ ให้งาน ประเภท และขนาดของงานวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมสาขาวิศวกรรมโยธาเป็นไปตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงกำหนดสาขาวิชาชีพวิศวกรรมและวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม พ.ศ. ๒๕๕๐
ข้อ ๔ ให้ผู้ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม สาขาวิศวกรรมโยธา ระดับวุฒิวิศวกร ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม สาขาวิศวกรรมโยธา ได้ทุกงาน ทุกประเภท และทุกขนาด
ข้อ ๕ ให้ผู้ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม สาขาวิศวกรรมโยธา ระดับสามัญวิศวกร ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม สาขาวิศวกรรมโยธา ได้เฉพาะงานวางโครงการ งานออกแบบและคำนวณ งานควบคุมการสร้างหรือการผลิต งานพิจารณาตรวจสอบ หรืองานอำนวยการใช้ ทุกประเภทและทุกขนาด
ข้อ ๖ ให้ผู้ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม สาขาวิศวกรรมโยธา ระดับภาคีวิศวกร ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม สาขาวิศวกรรมโยธา ได้เฉพาะงาน ประเภทและขนาดดังนี้
(๑) งานออกแบบและคำนวณ
(ก) อาคารที่มีความสูงไม่เกิน ๔ ชั้น หรือโครงสร้างของอาคารที่ชั้นใดชั้นหนึ่งมีความสูงไม่เกิน ๕ เมตร หรืออาคารที่มีช่วงคานยาวทุกขนาด
(ข) คลังสินค้า ไซโล ห้องเย็น หรือยุ้งฉางที่มีความจุไม่เกิน ๑,๐๐๐ ลูกบาศก์เมตร
(ค) โครงสร้างที่มีลักษณะเป็นหอ ปล่อง หรือศาสนวัตถุ เช่น พระพุทธรูป หรือเจดีย์ ที่มีความสูงไม่เกิน ๑๕ เมตร
(ง) นั่งร้านหรือค้ำยันชั่วคราวที่มีความสูงไม่เกิน ๒๕ เมตร
(จ) แบบหล่อคอนกรีตสำหรับเสาที่มีความสูงไม่เกิน ๕ เมตร หรือคานที่มีช่วงคานยาวทุกขนาด
(ฉ) โครงสร้างใต้ดิน สิ่งก่อสร้างชั่วคราว กำแพงกันดิน คันดินป้องกันน้ำ หรือคลองส่งน้ำที่มีความสูงหรือความลึกไม่เกิน ๒.๕๐ เมตร
(ช) เขื่อน ฝาย อุโมงค์ ท่อระบายน้ำ หรือระบบชลประทานที่มีความสูงไม่เกิน ๒.๕๐ เมตร หรือมีความจุไม่เกิน ๑,๐๐๐,๐๐๐ ลูกบาศก์เมตร หรือที่มีอัตราการไหลของน้ำไม่เกิน ๕ ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
(ซ) โครงสร้างที่มีการกักของไหล เช่น ถังเก็บน้ำ ถังเก็บน้ำมัน อุโมงค์ส่งน้ำ หรือสระว่ายน้ำที่มีความจุไม่เกิน ๕๐๐ ลูกบาศก์เมตร
(ฌ) ท่อส่งน้ำ ท่อระบายน้ำ หรือช่องระบายน้ำที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางไม่เกิน ๑.๕๐ เมตร หรือพื้นที่หน้าตัดไม่เกิน ๒.๐๐ ตารางเมตร และมีโครงสร้างรองรับ
(ญ) ระบบชลประทานที่มีพื้นที่ชลประทานไม่เกิน ๕,๐๐๐ ไร่ต่อโครงการ
(๒) งานควบคุมการสร้างหรือการผลิต
(ก) อาคารที่มีความสูงไม่เกิน ๘ ชั้น
(ข) อาคารสาธารณะที่มีความสูงไม่เกิน ๘ ชั้น
(ค) คลังสินค้า ไซโล ห้องเย็น หรือยุ้งฉางทุกขนาด
(ง) โครงสร้างที่มีลักษณะเป็นหอ ปล่อง ที่มีความสูงไม่เกิน ๔๐ เมตร หรือศาสนวัตถุ เช่น พระพุทธรูป หรือเจดีย์ ที่มีความสูงไม่เกิน ๒๓ เมตร
(จ) โครงสร้างสะพานที่มีช่วงระหว่างศูนย์กลางตอม่อช่วงใดช่วงหนึ่งยาวไม่เกิน ๑๒ เมตร
(ฉ) ชิ้นส่วนโครงสร้างคอนกรีตหล่อสำเร็จหรือคอนกรีตอัดแรงหล่อสำเร็จรูปทุกชนิดที่มีความยาวทุกขนาด
(ช) เสาเข็มคอนกรีตทุกขนาด
(ซ) นั่งร้านหรือค้ำยันชั่วคราวที่มีความสูงไม่เกิน ๔๒ เมตร
(ฌ) โครงสร้างใต้ดิน สิ่งก่อสร้างชั่วคราว กำแพงกันดิน คันดินป้องกันน้ำ หรือคลองส่งน้ำที่มีความสูงหรือความลึกไม่เกิน ๒.๕ เมตร
(ญ) ทางสาธารณะทุกขนาด
(ฎ) เขื่อน ฝาย อุโมงค์ ท่อระบายน้ำ หรือระบบชลประทาน ทุกขนาด
(ฏ) โครงสร้างที่มีการกักของไหล เช่น ถังเก็บน้ำ ถังเก็บน้ำมัน อุโมงค์ส่งน้ำ หรือสระว่ายน้ำทุกขนาด
(ฐ) ท่อส่งน้ำ ท่อระบายน้ำ หรือช่องระบายน้ำทุกขนาด และมีโครงสร้างรองรับ
(ฑ) ระบบชลประทานทุกขนาด
(ฒ) ป้ายหรือสิ่งที่สร้างขึ้นสำหรับติดหรือตั้งป้าย มีความสูงจากพื้นดินไม่เกิน ๒๓ เมตร หรือป้าย หรือสิ่งที่สร้างขึ้นสำหรับติดหรือตั้งป้ายที่มีพื้นที่ไม่เกิน ๕๐ ตารางเมตร ที่ติดตั้งอยู่บนหลังคา ดาดฟ้า หรือกันสาด หรือที่ติดกับส่วนใดส่วนหนึ่งของอาคาร
(ณ) อัฒจันทร์ที่มีพื้นที่ไม่เกิน ๑,๕๐๐ ตารางเมตร
(ด) โครงสร้างสำหรับใช้ในการรับส่งหรือติดตั้งอุปกรณ์รับส่งวิทยุหรือโทรทัศน์ที่มีความสูงจากระดับฐานของโครงสร้างไม่เกิน ๕๐ เมตร
(๓) งานพิจารณาตรวจสอบ หรืองานอำนวยการใช้ ทุกประเภทและทุกขนาด
ข้อ ๗ ให้ผู้ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม สาขาวิศวกรรมโยธา ระดับภาคีวิศวกรพิเศษ ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม สาขาวิศวกรรมโยธา ได้ตามงาน ประเภทและขนาดที่ระบุไว้ในใบอนุญาต
ข้อ ๘ ในกรณีที่ต้องมีการวินิจฉัยชี้ขาดหลักเกณฑ์และคุณสมบัติของผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมแต่ละระดับ สาขาวิศวกรรมโยธา ตามข้อบังคับนี้ ให้คณะกรรมการสภาวิศวกรเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาด คำวินิจฉัยชี้ขาดของคณะกรรมการสภาวิศวกรให้เป็นที่สุด
ข้อ ๙ ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม ซึ่งประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมตามประเภท และสาขาที่ระบุไว้ในใบอนุญาต ภายในข้อกำหนดและเงื่อนไขตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๐๘) ออกตามความในพระราชบัญญัติวิชาชีพวิศวกรรม พ.ศ. ๒๕๐๕ อยู่ก่อนวันที่ข้อบังคับนี้มีผลใช้บังคับ ให้ผู้นั้นประกอบการงานนั้นต่อไปได้จนกว่างานจะแล้วเสร็จ
ประเภทและขนาดของงานวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมสาขาวิศวกรรมโยธา ตามกฎกระทรวง
กำหนดสาขาวิชาชีพวิศวกรรมและวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม พ.ศ. ๒๕๕๐
กำหนดสาขาวิชาชีพวิศวกรรมและวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม พ.ศ. ๒๕๕๐ มีดังต่อไปนี้
(๑) อาคารที่มีความสูงตั้งแต่ ๓ ชั้นขึ้นไป หรือโครงสร้างของอาคารที่ชั้นใดชั้นหนึ่งมีความสูงตั้งแต่ ๔ เมตรขึ้น ไป หรืออาคารที่มีช่วงคานตั้งแต่ ๕ เมตรขึ้นไป
(๒) อาคารสาธารณะทุกขนาด
(๓) คลังสินค้า ไซโล ห้องเย็น หรือยุ้งฉางที่มีความจุตั้งแต่ ๑๐๐ ลูกบาศก์เมตรขึ้นไป
(๔) โครงสร้างที่มีลักษณะเป็นหอ ปล่อง หรือศาสนวัตถุ เช่น พระพุทธรูปหรือเจดีย์ที่มีความสูงตั้งแต่ ๖ เมตรขึ้น ไป
(๕) โครงสร้างสะพานที่มีช่วงระหว่างศูนย์กลางตอม่อช่วงใดช่วงหนึ่งยาวตั้งแต่ ๑๐ เมตรขึ้นไป
(๖) ท่าเทียบเรือหรืออู่เรือสำหรับเรือที่มีระวางขับน้ำตั้งแต่ ๕๐ เมตริกตันขึ้นไป
(๗) ชิ้นส่วนโครงสร้างคอนกรีตหล่อสำเร็จหรือคอนกรีตอัดแรงหล่อสำเร็จทุกชนิดที่มีความยาวตั้งแต่ ๕ เมตรขึ้น ไป
(๘) เสาเข็มคอนกรีตที่มีความยาวตั้งแต่ ๖ เมตรขึ้นไป หรือที่รับน้ำหนักบรรทุกปลอดภัยตั้งแต่ ๓ เมตริกตันขึ้นไป
(๙) งานเสริมความมั่นคงของฐานรากทุกขนาด
(๑๐) นั่งร้านหรือค้ำยันชั่วคราวที่มีความสูงตั้งแต่ ๔ เมตรขึ้นไป
(๑๑) แบบหล่อคอนกรีตสำหรับเสาที่มีความสูงตั้งแต่ ๔ เมตร หรือคานที่มีช่วงคานตั้งแต่ ๕ เมตรขึ้นไป
(๑๒) โครงสร้างใต้ดิน สิ่งก่อสร้างชั่วคราว กำแพงกันดิน คันดินป้องกันน้ำ หรือคลองส่งน้ำที่มีความสูงหรือความ ลึกตั้งแต่ ๑.๕๐ เมตรขึ้นไป
(๑๓) โครงสร้างของระบบขนส่งสาธารณะ ทางรถสาธารณะ หรือทางวิ่งสนามบินทุกขนาด
(๑๔) ทางรถไฟ ทางรถรางสาธารณะ ทางหลวง ทางสาธารณะ หรือทางวิ่งสนามบินทุกขนาด
(๑๕) เขื่อน ฝาย อุโมงค์ ท่อระบายน้ำ หรือระบบชลประทานที่มีความสูงตั้งแต่ ๑.๕๐ เมตรขึ้นไป หรือมีความจุ ตั้งแต่ ๕๐ ลูกบาศก์เมตรขึ้นไป หรือที่มีอัตราการไหลของน้ำตั้งแต่ ๑ ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีขึ้นไป
(๑๖) โครงสร้างที่มีการกักของไหล เช่น ถังเก็บน้ำ ถังเก็บน้ำมัน อุโมงค์ส่งน้ำ หรือสระว่ายน้ำที่มีความจุตั้งแต่ ๕๐ ลูกบาศก์เมตรขึ้นไป
(๑๗) ท่อส่งน้ำ ท่อระบายน้ำ หรือช่องระบายน้ำที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางตั้งแต่ ๐.๘๐ เมตรขึ้นไป หรือพื้นที่หน้าตัด ตั้งแต่ ๐.๕๐ ตารางเมตรขึ้นไปและมีโครงสร้างรองรับ หรือมีความยาวตั้งแต่ ๑๐๐ เมตรขึ้นไป
(๑๘) ระบบชลประทานที่มีพื้นที่ชลประทานตั้งแต่ ๕๐๐ ไร่ต่อโครงการขึ้นไป
(๑๙) ป้ายหรือสิ่งที่สร้างขึ้นสำหรับติดหรือตั้งป้ายที่มีพื้นที่ตั้งแต่ ๕๐ ตารางเมตรขึ้นไปและมีความสูงจากพื้นดิน ตั้งแต่ ๑๕ เมตรขึ้นไป หรือป้ายหรือสิ่งที่สร้างขึ้นสำหรับติดหรือตั้งป้ายที่มีพื้นที่ตั้งแต่ ๒๕ ตารางเมตรขึ้น ไปที่ติดตั้งอยู่บนหลังคา ดาดฟ้า หรือกันสาด หรือที่ติดกับส่วนใดส่วนหนึ่งของอาคาร
(๒๐) อัฒจันทร์ที่มีพื้นที่ตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ตารางเมตรขึ้นไป
(๒๑) โครงสร้างสำหรับใช้ในการรับส่งหรือติดตั้งอุปกรณ์รับส่งวิทยุหรือโทรทัศน์ที่มีความสูงจากระดับฐานของ โครงสร้างตั้งแต่ ๒๕ เมตรขึ้นไป หรือที่มีน้ำหนักตั้งแต่ ๒๐๐ กิโลกรัมขึ้นไป
เอกสารบรรยายหลักเกณฑ์ราคากลางงานก่อสร้างของทางราชการ Update ใหม่ บรรยายโดย ช่างถึก โยธาไทย
5/10/2016
เอกสารบรรยายหลักเกณฑ์ราคากลางงานก่อสร้างของทางราชการ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2555 บรรยายโดย อภิสิทธิ์ มากสุวรรณ (ช่างถึก โยธาไทย)
Facebook : ช่างถึก https://www.facebook.com/yotathai
เว็บไซต์ราคากลาง : http://rakaklang.yotathai.com/
ที่ นร 0731.1/ว 114 ลว 31 สิงหาคม 2559 เรื่อง ปรับปรุงรายละเอียดรายการในบัญชีราคามาตรฐานครุภัณฑ์ สำนักงบประมาณ ฉบับเดือนสิงหาคม 2559
Categories
All
สพฐ.
มอก.
อปท.
พรบ.ควบคุมอาคาร
ประปา
พัสดุ
หางาน
ทางลอด
คู่มือ
สถาปนิก
เสาเข็ม
แบบแปลน
ระเบียบ กฎหมาย
ระเบียบ-กฎหมาย
สม้ครงาน
สถาปัตย์
ราคากลาง
ชลประทาน
กฎกระทรวง
ระบบไฟฟ้า
สภาวิศวกร
ประมาณราคา
คำวินิจฉัย
กรมทางหลวง
ราคามาตรฐาน
งานก่อสร้าง
คอมพิวเตอร์
วัสดุก่อสร้าง
มาตรฐานงานทาง
กรมทางหลวงชนบท
ความรู้งานช่าง
ศาลปกครองสูงสุด
โปรแกรมวิศวกรรม
ภาคีสถาปนิกพิเศษ
สถาปัตยกรรมควบคุม
ควบคุมงานก่อสร้าง
ราคาวัสดุก่อสร้าง
ข่าวประชาสัมพันธ์
คอนกรีตเสริมเหล็ก
ข้อบังคับสภาสถาปนิก
อัตราราคางานต่อหน่วย
กรมโยธาธิการและผังเมือง
บัญชีราคามาตรฐานครุภัณฑ์
หนังสือราคาวัสดุก่อสร้าง
ราคาวัสดุก่อสร้างและแรงงาน
บัญชีราคามาตรฐานสิ่งก่อสร้าง
กฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าธรรมเนียม
ข.1
ข.7
Download
E Book
ค่า K
Sketchup