การตีกรอบอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย ผู้ควบคุมงานของหน่วยงานของรัฐ ไม่มีหน้าที่ตัดสินใจขยายระยะเวลาก่อสร้าง
การตีกรอบอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย
ผู้ควบคุมงานของหน่วยงานของรัฐ ไม่มีหน้าที่ตัดสินใจขยายระยะเวลาก่อสร้าง ⸻ ปัญหาที่พบบ่อย ในงานจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ มักเกิดการโยนความผิดไปยังเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการ โดยเฉพาะเวลาผู้รับจ้างขอขยายเวลา (เพื่อ งด/ลดค่าปรับ) ทั้งที่จริงแล้ว อำนาจตัดสินใจ ไม่ได้อยู่กับผู้ควบคุมงาน หรือคณะกรรมการตรวจรับพัสดุในงานจ้างก่อสร้าง ⸻ 1. บทบาทผู้ควบคุมงาน (ผ.ค.ง.) ทำหน้าที่ รายงานข้อเท็จจริงเชิงเทคนิค เท่านั้น • แต่งตั้งตาม มาตรา 101 พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ • มีอำนาจทางช่าง เช่น ตรวจควบคุมงาน สั่งแก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือตัดทอนได้ (อ้างอิง ระเบียบฯ ข้อ 178 (1) และ สัญญาจ้างก่อสร้าง ข้อ 15) • ต้อง จดบันทึกข้อเท็จจริงทุกวัน รายงานให้คณะกรรมการตรวจรับพัสดุทุกสัปดาห์ (ตาม ระเบียบฯ ข้อ 178 (3)) สรุป: ผู้ควบคุมงานเป็นแค่ผู้ให้ข้อมูลเชิงเทคนิค ไม่ต้องเสนอความเห็นว่าควร “ขยายเวลา” หรือไม่ ⸻ 2. บทบาทคณะกรรมการตรวจรับพัสดุ (ค.ต.พ.) เป็นผู้ กลั่นกรองและเสนอแนะเชิงบริหารสัญญา • แต่งตั้งตาม มาตรา 100 พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ • ตรวจสอบรายงานของผู้ควบคุมงานทุกสัปดาห์ (ระเบียบฯ ข้อ 176 (2)) • เวลาผู้รับจ้างยื่นขอขยายเวลา (อ้าง สัญญาจ้างก่อสร้าง ข้อ 21) → ค.ต.พ. ต้องกลั่นกรองข้อมูล เปรียบเทียบกับหลักเกณฑ์ใน มาตรา 102 (เหตุสุดวิสัย เหตุจากรัฐ ฯลฯ) → จากนั้นเสนอความเห็นต่อผู้ว่าจ้าง ความเห็นของ ค.ต.พ. = ข้อเสนอแนะ ไม่ใช่คำตัดสิน ⸻ 3. ผู้มีอำนาจตัดสินใจสูงสุด: ผู้ว่าจ้าง / หัวหน้าหน่วยงานของรัฐ มี ดุลพินิจเด็ดขาด ในการอนุมัติขยายเวลา • มาตรา 102 พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ → งด/ลดค่าปรับ หรือขยายเวลา = ดุลพินิจของผู้มีอำนาจ • สัญญาจ้างก่อสร้าง ข้อ 21 → การขยายกำหนดเวลา = อยู่ที่ผู้ว่าจ้างพิจารณา หากการขยายเวลาผิดพลาดจนเกิดความเสียหาย ความรับผิดชอบหลักตกอยู่ที่ ผู้ว่าจ้าง ไม่ใช่ผู้ควบคุมงานหรือคณะกรรมการ ⸻ หลักการคุ้มครองเจ้าหน้าที่ • ผู้ควบคุมงานทำหน้าที่ครบถ้วนแล้ว หากได้ บันทึกและรายงานตามข้อ 178 (3) • ค.ต.พ. กลั่นกรองและเสนอแนะตาม มาตรา 100 → ทั้งสองฝ่ายจะได้รับ ความคุ้มครองทางกฎหมาย เพราะผลการตัดสินใจสุดท้ายเป็นของ ผู้ว่าจ้าง ⸻ สรุปสุดท้าย • ผู้ควบคุมงาน = รายงานข้อเท็จจริง • ค.ต.พ. = กลั่นกรองและเสนอแนะ • ผู้ว่าจ้าง = ตัดสินใจสุดท้าย ตราบใดที่ทุกฝ่ายทำหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด → เจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการ ไม่ต้องรับผิดชอบ ต่อผลการใช้ดุลพินิจของผู้ว่าจ้าง ~~~~~~~~~~ การตีกรอบอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายผู้ควบคุมงาน ไม่มีหน้าที่ตัดสินใจขยายระยะเวลาก่อสร้าง ปัญหาที่พบบ่อย: ความเข้าใจที่ไม่ตรงกันในวงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ปัญหาสำคัญที่มักบั่นทอนขวัญกำลังใจของเจ้าหน้าที่ คือการที่หน่วยงานตรวจสอบมักจะเอาผิดกับผู้ปฏิบัติงานในระดับปฏิบัติการ ทั้งที่อำนาจตัดสินใจสูงสุดมิได้อยู่ที่พวกเขา โดยเฉพาะในกรณีที่ผู้รับจ้างขอขยายระยะเวลาทำการ (งด/ลดค่าปรับ) ตามสัญญาจ้างก่อสร้าง หลักการตาม พ.ร.บ. การจัดซื้อจัดจ้างฯ พ.ศ. 2560 ได้กำหนดกลไกการทำงานระหว่างผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง 3 ฝ่ายไว้อย่างชัดเจน ขั้นตอนและขอบเขตอำนาจหน้าที่ 3 ฝ่าย
□
ขั้นตอนที่ 1
ผู้ควบคุมงาน (ผ.ค.ง.)ผู้รายงานข้อเท็จจริงเชิงเทคนิค
สรุป: ทำหน้าที่เพียงให้ข้อมูลเชิงเทคนิคและประเมินผลกระทบเป็น "จำนวนวัน" แต่ไม่มีอำนาจเสนอความเห็นว่า "ควรขยายเวลาหรือไม่"
□
ขั้นตอนที่ 2
คณะกรรมการตรวจรับพัสดุ (ค.ต.พ.)ผู้กลั่นกรองและเสนอแนะ
สรุป: ความเห็นเป็นเพียง "ข้อเสนอแนะ" เท่านั้น เมื่อปฏิบัติหน้าที่อย่างสุจริตแล้วถือว่าครบถ้วน
□⚖️
ขั้นตอนที่ 3
ผู้ว่าจ้าง / หัวหน้าหน่วยงานของรัฐผู้มีอำนาจตัดสินใจสูงสุด
สรุป: ความรับผิดชอบหลักในผลของการใช้ดุลพินิจอนุมัติ ย่อมตกอยู่กับผู้ว่าจ้างในฐานะผู้มีอำนาจสูงสุด การกระจายอำนาจและหน้าที่แผนภูมินี้แสดงให้เห็นว่าอำนาจในการ "อนุมัติ" ซึ่งเป็นการตัดสินใจขั้นสุดท้ายนั้น อยู่ที่ผู้ว่าจ้างเป็นหลัก ในขณะที่ผู้ควบคุมงานและคณะกรรมการฯ มีบทบาทในการสนับสนุนด้านข้อมูลและให้ข้อเสนอแนะตามลำดับ
□️
หลักการคุ้มครองข้าราชการตราบใดที่ ผู้ควบคุมงาน และ ค.ต.พ. ได้ปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างครบถ้วน สุจริต และเป็นไปตามขอบเขตที่กฎหมายกำหนดแล้ว ท่านย่อมได้รับการคุ้มครอง และ ไม่ต้องรับผิดชอบ ในผลของการตัดสินใจอนุมัติของผู้ว่าจ้าง ซึ่งถือเป็นการปฏิบัติงานที่ถูกต้องตามหลักธรรมาภิบาล สรุปภาพรวมผู้รับผิดชอบในกระบวนการ
ขอให้ทุกท่านมั่นใจในการปฏิบัติหน้าที่ตามขอบเขตที่กฎหมายกำหนดไว้อย่างเคร่งครัด
|
Categories
All
|

RSS Feed