ใครต้องแจ้งค่าปรับผู้รับจ้าง? เข้าใจให้ถูกต้องก่อนที่หน่วยงานรัฐจะเสียสิทธิ์! ใครต้องแจ้งค่าปรับผู้รับจ้าง? เข้าใจให้ถูกต้องก่อนที่หน่วยงานรัฐจะเสียสิทธิ์!
ปัญหาสำคัญในการบริหารสัญญาจ้างก่อสร้างของหน่วยงานภาครัฐคือ “ใครเป็นผู้แจ้งค่าปรับแก่ผู้รับจ้างเมื่อส่งมอบงานล่าช้า?” หลายหน่วยงานยังมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับหน้าที่ในการแจ้งค่าปรับ ซึ่งหากไม่ได้ดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย หน่วยงานอาจสูญเสียสิทธิ์เรียกค่าปรับจากผู้รับจ้าง เพื่อให้เกิดความชัดเจน เราจะมาดูกันว่าระเบียบข้อ 181 และข้อ 17 ของสัญญาจ้างก่อสร้างระบุไว้ว่าอย่างไร และแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้องคืออะไร ข้อกำหนดตามระเบียบและสัญญาที่เกี่ยวข้องกับการแจ้งค่าปรับ ระเบียบข้อ 181 ของกระทรวงการคลัง ระบุว่า “เมื่อครบกำหนดส่งมอบงาน และมีค่าปรับเกิดขึ้น ให้หน่วยงานของรัฐแจ้งการเรียกค่าปรับตามสัญญาหรือข้อตกลงจากคู่สัญญาภายใน 7 วันทำการ นับถัดจากวันครบกำหนดส่งมอบ และเมื่อคู่สัญญาได้ส่งมอบพัสดุ ให้หน่วยงานของรัฐบอกสงวนสิทธิ์การเรียกค่าปรับในขณะที่รับมอบพัสดุนั้นด้วย”  สรุปเงื่อนไขสำคัญ: หน่วยงานของรัฐต้องแจ้งค่าปรับแก่ผู้รับจ้าง ภายใน 7 วันทำการ หลังครบกำหนดส่งมอบงาน เมื่องานถูกส่งมอบล่าช้าและได้รับมอบแล้ว ต้องแจ้งสงวนสิทธิ์ค่าปรับในขณะรับมอบงาน หากหน่วยงาน ไม่แจ้งค่าปรับภายใน 7 วัน อาจถูกตีความว่าสละสิทธิ์ในการเรียกค่าปรับ ข้อ 17 ของสัญญาจ้างก่อสร้าง ระบุว่า “หากผู้รับจ้างไม่สามารถทำงานให้แล้วเสร็จภายในเวลาที่กำหนดไว้ในสัญญา และผู้ว่าจ้างยังมิได้บอกเลิกสัญญา ผู้รับจ้างจะต้องชำระค่าปรับให้แก่ผู้ว่าจ้างเป็นจำนวนเงินที่กำหนดต่อวัน นับจากวันที่ครบกำหนดเวลาแล้วเสร็จของงานตามสัญญาหรือวันที่ผู้ว่าจ้างได้ขยายเวลาทำงานให้ จนถึงวันที่ทำงานแล้วเสร็จจริง” “และถ้าผู้ว่าจ้าง ได้แจ้งข้อเรียกร้องไปยังผู้รับจ้างเมื่อครบกำหนดเวลาแล้วเสร็จของงาน ขอให้ชำระค่าปรับแล้ว ผู้ว่าจ้างมีสิทธิ ที่จะปรับผู้รับจ้างจนถึงวันบอกเลิกสัญญาได้อีกด้วย” สรุปเงื่อนไขสำคัญ: หากมีการแจ้งข้อเรียกร้องค่าปรับ เมื่อครบกำหนดเวลาแล้วเสร็จของงาน ผู้ว่าจ้างมีสิทธิ์ปรับผู้รับจ้างจนถึงวันบอกเลิกสัญญา หาก ไม่มีการแจ้งค่าปรับเมื่อครบกำหนดเวลาแล้วเสร็จของงาน จะไม่มีสิทธิ์ปรับผู้รับจ้างจนถึงวันบอกเลิกสัญญา วิเคราะห์ว่าผู้ใดมีหน้าที่แจ้งค่าปรับแก่ผู้รับจ้าง? 1. หน่วยงานที่ต้องรับผิดชอบแจ้งค่าปรับ จากระเบียบข้อ 181 และข้อ 17 ของสัญญา ข้อความระบุชัดว่า “หน่วยงานของรัฐ” และ “ผู้ว่าจ้าง” ต้องเป็นผู้แจ้งค่าปรับ หน่วยงานของรัฐ หรือ ผู้ว่าจ้าง หมายถึง ฝ่ายพัสดุ หรือหน่วยงานที่เป็นคู่สัญญากับผู้รับจ้าง ไม่ใช่คณะกรรมการตรวจรับพัสดุ ข้อสรุป: ฝ่ายพัสดุ หรือหน่วยงานผู้ว่าจ้าง ต้องเป็นผู้แจ้งค่าปรับแก่ผู้รับจ้าง หากฝ่ายพัสดุหรือผู้ว่าจ้างไม่แจ้งค่าปรับภายใน 7 วันทำการ อาจเสียสิทธิ์ในการเรียกค่าปรับ 2. คณะกรรมการตรวจรับพัสดุมีหน้าที่แจ้งค่าปรับหรือไม่? ข้อ 176 ของระเบียบกระทรวงการคลัง กำหนดว่า คณะกรรมการตรวจรับพัสดุ มีหน้าที่ตรวจรับ ตรวจสอบ และรายงานผลการตรวจรับให้หน่วยงานของรัฐทราบ หากพบว่างานล่าช้า ต้องรายงานหัวหน้าหน่วยงานของรัฐผ่านฝ่ายพัสดุเพื่อพิจารณาสั่งการ ข้อสรุป: คณะกรรมการตรวจรับพัสดุ ไม่มีหน้าที่แจ้งค่าปรับโดยตรง แต่ต้องแจ้งข้อมูลการล่าช้าให้ฝ่ายพัสดุทราบ แนวทางปฏิบัติที่ถูกต้อง: ทำอย่างไรไม่ให้รัฐเสียสิทธิ์? 1. คณะกรรมการตรวจรับพัสดุ ต้องแจ้งข้อมูลความล่าช้าให้ฝ่ายพัสดุหรือหน่วยงานผู้ว่าจ้างทราบ คณะกรรมการตรวจรับพัสดุไม่มีอำนาจแจ้งค่าปรับ แต่ต้องแจ้งฝ่ายพัสดุทันทีเมื่อพบว่าผู้รับจ้างส่งมอบงานล่าช้า 2. ฝ่ายพัสดุ หรือหน่วยงานผู้ว่าจ้าง ต้องแจ้งค่าปรับเป็นลายลักษณ์อักษร ภายใน 7 วันทำการ หากแจ้งล่าช้า อาจถูกตีความว่าสละสิทธิ์ในการเรียกค่าปรับ 3. ฝ่ายพัสดุ ต้องแจ้งสงวนสิทธิ์ค่าปรับในขณะที่รับมอบงานล่าช้า หากไม่มีการแจ้งสงวนสิทธิ์ค่าปรับ อาจถูกตีความว่า รับงานโดยไม่มีค่าปรับ 4. หน่วยงานต้องกำหนดระเบียบปฏิบัติภายในให้ชัดเจน ควรกำหนดให้ “ฝ่ายพัสดุเป็นผู้แจ้งค่าปรับ และคณะกรรมการตรวจรับพัสดุเป็นผู้รายงานข้อมูลความล่าช้า” บทสรุปสำคัญ: ใครต้องเป็นผู้แจ้งค่าปรับ? 1. ฝ่ายพัสดุ หรือหน่วยงานผู้ว่าจ้าง ต้องเป็นผู้แจ้งค่าปรับโดยตรง 2. คณะกรรมการตรวจรับพัสดุ ต้องแจ้งข้อมูลการล่าช้าให้ฝ่ายพัสดุทราบ ไม่ใช่ผู้แจ้งค่าปรับเอง 3. หน่วยงานต้องแจ้งค่าปรับภายใน 7 วันทำการ มิฉะนั้นอาจเสียสิทธิ์เรียกค่าปรับ 4. ต้องแจ้งสงวนสิทธิ์ค่าปรับในขณะที่รับมอบงาน เพื่อป้องกันปัญหาการโต้แย้ง สรุปง่ายๆ: การแจ้งค่าปรับเป็นหน้าที่ของฝ่ายพัสดุ ไม่ใช่ของคณะกรรมการตรวจรับพัสดุ! อย่าปล่อยให้หน่วยงานรัฐเสียสิทธิ์เพราะความเข้าใจผิด! แชร์โพสต์นี้ให้ทุกหน่วยงานรู้! เพื่อป้องกันการสูญเสียค่าปรับจากผู้รับจ้าง และรักษาผลประโยชน์ของประเทศ! ~~~~~~~~~~ แชร์ได้ , save ไว้ศึกษาส่วนตัวได้ , ห้ามนำไปโพสซ้ำหรือใช้งานที่อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต สงวนสิทธิ์ตามกฎหมาย ~~~~~~~~~~ อบรมกับโยธาไทย 1. อบรมราคากลางและค่า K https://training.yotathai.com/con-k 2. อบรมการจัดทำราคากลาง +ว452 +ว124 https://training.yotathai.com/w452 3. อบรมหลักการควบคุมงาน บริหารสัญญา https://training.yotathai.com/work 4. อบรมกฎหมายปกครองกับงานจ้างก่อสร้าง หลักการควบคุมงาน บริหารสัญญา และตรวจรับ https://training.yotathai.com/law-work 5. อบรม AI กับงานก่อสร้างและบริหารงานก่อสร้าง https://training.yotathai.com/ai 6. อบรมราคากลางงานก่อสร้างและสัญญาจ้างก่อสร้าง https://training.yotathai.com/contract 7. อบรม SketchUp BIM + LayOut https://training.yotathai.com/sketchup .......... อบรมออนไลน์ https://yotathai.link/online-training อบรมออนไลน์ .......... https://yotathai.link/lecturer เชิญวิทยากรบรรยาย https://yotathai.link/office ติดต่อทีมงานโยธาไทย (Line@) https://yotathai.link/training สมัครอบรมกับโธาไทย https://yotathai.link/chat กลุ่มสนทนาใน Line(ฟรี) https://yotathai.link/news รับข่าวสารผ่าน Line(ฟรี) https://yotathai.link/club กลุ่มปรึกษาปัญหาใน FB(ฟรี) https://yotathai.link/fb-gp กลุ่มปรึกษาปัญหาจัดจ้างก่อสร้าง ใน FB (ฟรี) https://yotathai.link/shop ร้านค้าโยธาไทย https://yotathai.link/premix ยางมะตอยโยธาพรีมิกซ์ https://yotathai.link/alum สารส้ม-คลอรีน https://yotathai.link/program โปรแกรมคอมพิวเตอร์ https://yotathai.link/program-k โปรแกรมค่า k https://yotathai.link/program-factorf โปรแกรม Factor F https://yotathai.link/program-unitcost โปรแกรมคำนวณวัสดุมวลรวม https://yotathai.link/program-sketchup โปรแกรม SketchUp https://roadprice.yotathai.com โปรแกรม ROAD PRICE ประมาณราคางานทาง https://yotathai.link/rebars เขียนเหล็กเสริมใน SketchUp https://yotathai.link/k-cal รับคำนวณค่า K |
Categories
All
|