ดัชนีราคาเพื่อใช้ประกอบการคำนวณค่า K เดือนกันยายน 2565
ความรู้เบื้องต้นเรื่องค่า K
ดัชนีเพื่อใช้ประกอบการคำนวณหา Escalation Factors ( K ) สำหรับสัญญาแบบปรับราคาได้ในการประกวดราคาจ้างเหมาก่อสร้าง "ค่า K" มีบทบาทสำคัญในธุรกิจการก่อสร้างมานาน และทวีความสำคัญมากขึ้นในปัจจุบัน เพราะจากภาวะค่าเงินบาทลอยตัว การปรับเพิ่มอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม ตลอดจนราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจการก่อสร้าง สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า จึงได้จัดทำเอกสาร ถาม - ตอบ "ค่า K" เป็นความรู้เบื้องต้นแก่ผู้สนใจ 1. ถาม : ESCALATION FACTOR หรือ "ค่า K" คืออะไร ตอบ : คือ ตัวเลขดัชนีที่ใช้วัดการเปลี่ยนแปลงของค่างาน ณ ระยะเวลาที่ผู้รับเหมาก่อสร้างเปิดซองประกวดราคาได้ เปรียบเทียบกับระยะเวลาที่ส่งงานในแต่ละงวด โดยมีเงื่อนไขสำคัญ ดังนี้ (1) จะใช้ "ค่า K" ได้เฉพาะในกรณีที่ผู้รับเหมารับงานจากส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานอื่นที่มีกฎหมายบัญญัติให้มีฐานะเป็นราชการบริหารส่วนท้องถิ่นเท่านั้น (2) ในการทำสัญญาว่าจ้าง คู่สัญญาจะต้องระบุในสัญญาให้ชัดเจนว่า เป็นสัญญาแบบปรับราคาได้ในการประกวดราคาจ้างเหมาก่อสร้าง 2. ถาม : "ค่า K" มีความเป็นมาอย่างไร ตอบ : การนำ "ค่า K" มาใช้ เริ่มจากในช่วงปี 2516 - 2517 เกิดวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจ โดยน้ำมันและวัสดุก่อสร้างสำคัญ คือ เหล็กสำเร็จรูปต่างๆ ขาดแคลนและราคาสูงขึ้นมาก ส่งผลกระทบต่อธุรกิจก่อสร้างโดยตรงและรุนแรง ผู้รับเหมาต่างได้รับความเดือดร้อน บางรายหยุดดำเนินการ บางรายละทิ้งงาน เพราะไม่สามารถรับภาระขาดทุนได้ ขณะเดียวกัน ผู้จ้างเหมาก็ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติให้นำ "ค่า K" มาใช้ เพื่อช่วยเหลือผู้รับเหมาให้ได้รับการชดเชยค่าเสียหาย ทั้งนี้มีคณะอนุกรรมการเป็นผู้กำหนด หลักเกณฑ์ เงื่อนไข สูตร ประเภท และลักษณะงานที่เข้าข่ายสามารถขอรับเงินชดเชยจากรัฐบาลได้ จนถึงปี 2524 รัฐบาลได้ประกาศยกเลิกการใช้ "ค่า K" เนื่องจากวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจกลับเข้าสู่ภาวะปกติ อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2532 คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้นำ "ค่า K" มาใช้อีกครั้ง เนื่องจากผลของภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัวในอัตราสูง ก่อให้เกิดการลงทุนอย่างมากในธุรกิจหลายสาขา โดยเฉพาะธุรกิจการก่อสร้าง เพื่อรองรับเศรษฐกิจที่ขยายตัว เป็นเหตุให้วัสดุก่อสร้างสำคัญ คือ เหล็กเส้นขาดแคลนและราคาสูงขึ้นมากอย่างต่อเนื่อง ผู้ประกอบการธุรกิจก่อสร้างได้รับความเดือดร้อน รัฐบาลจึงให้ความช่วยเหลือโดยมีมติดังกล่าว ให้ใช้ "ค่า K" มาจนถึงปัจจุบัน 3. ถาม : องค์ประกอบ "ค่า K" มีอะไรบ้าง ตอบ : "ค่า K" ประกอบด้วยตัวแปรต่าง ๆ ดังนี้ M = ดัชนีราคาสินค้าวัสดุก่อสร้าง (ไม่รวมเหล็กและซีเมนต์) S = ดัชนีราคาเหล็ก C = ดัชนีราคาซีเมนต์ G = ดัชนีราคาเหล็กแผ่นเรียบ F = ดัชนีราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว A = ดัชนีราคาแอสฟัลท์ E = ดัชนีราคาเครื่องจักรกลและบริภัณฑ์ GIP = ดัชนีราคาท่อเหล็กอาบสังกะสี AC = ดัชนีราคาท่อซีเมนต์ใยหิน PVC = ดัชนีราคาท่อ PVC PE = ดัชนีราคาท่อ HYDENSITY POLYETHYLENE W = ดัชนีราคาสายไฟฟ้า I = ดัชนีราคาผู้บริโภคของประเทศ 4. ถาม : "ค่า K" นอกจากจะให้ประโยชน์แก่ผู้รับเหมาแล้ว ในส่วนของผู้จ้างเหมาจะได้รับประโยชน์ด้วยหรือไม่ อย่างไร ตอบ : "ค่า K" ใช้เป็นเครื่องมือช่วยเหลือทั้งผู้รับเหมาและผู้จ้างเหมาไปพร้อมกัน กล่าวคือ ช่วยลดความเสี่ยงของผู้รับเหมา กรณีที่ได้รับความเดือดร้อนจากวัสดุก่อสร้างมีราคาสูงขึ้น โดยให้ได้รับการชดเชยในส่วนของผลต่างราคาวัสดุก่อสร้าง ณ วันที่ประกวดราคาได้ เทียบกับวันส่งมอบงานในแต่ละงวด ขณะเดียวกันผู้จ้างเหมาใช้ "ค่า K" เป็นเครื่องมือป้องกันมิให้ผู้รับเหมาเอาเปรียบ โดยการบวกราคาวัสดุก่อสร้างเผื่อการเปลี่ยนแปลงไว้ล่วงหน้ามากจนเกินไป 5. ถาม : งานก่อสร้างประเภทใดบ้าง ที่อยู่ในเงื่อนไขสามารถใช้ "ค่า K" ตอบ : งานก่อสร้างที่จะสามารถนำ "ค่า K" มาคำนวณเพื่อขอรับเงินชดเชยได้ มี 5 ประเภท โดยมีสูตรที่ใช้คำนวณ 35 สูตร ดังนี้ งานอาคาร 1 สูตร งานดิน 3 สูตร งานทาง 7 สูตร งานชลประทาน 7 สูตร งานระบบสาธารณูปโภค 17 สูตร ทั้งนี้ รวมถึงงานปรับปรุงและซ่อมแซมตามประเภทของงานดังกล่าวด้วย 6. ถาม : การรับเหมาก่อสร้างงานต่างๆ จะทราบได้อย่างไรว่า ประเภทงานนั้นจะใช้สูตรอะไร และจะขอทราบรายละเอียดของสูตรได้จากที่ไหน ตอบ : โดยทั่วไปผู้รับเหมาเมื่อรับงานจากหน่วยงานราชการ หรือรัฐวิสาหกิจ ซึ่งในสัญญาระบุว่า เป็นสัญญาแบบปรับราคาได้ ในสัญญามักจะระบุสูตรสำหรับประเภทงานนั้นๆ เสมอ อย่างไรก็ตาม หากผู้รับเหมาต้องการทราบรายละเอียดสูตรต่างๆ สามารถสอบถามได้ที่ สำนักงบประมาณ สำนักนายกรัฐมนตรี 7. ถาม : ตัวเลขที่ใช้แทนค่าในสูตรแต่ละประเภทงานก่อสร้าง ได้มาอย่างไร ตอบ : ตัวเลขที่ใช้แทนค่าในสูตรแต่ละประเภทงานก่อสร้าง คือ ตัวแปรต่าง ๆ รวม 13 รายการ ซึ่งเป็นองค์ประกอบของ "ค่า K" ( ข้อ 3 ) ดัชนีราคาดังกล่าวจัดทำและเผยแพร่เป็นประจำทุกเดือน โดยสำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงพาณิชย์ 8. ถาม : ผู้รับเหมาก่อสร้างจะเรียกร้องให้รัฐบาลจ่ายเงินชดเชยในทุกกรณีได้หรือไม่ ตอบ : แม้ว่าผู้รับเหมาจะทำสัญญากับผู้จ้างเหมา โดยปฏิบัติตามเงื่อนไข หลักเกณฑ์ ประเภท และลักษณะงานตามที่กำหนดไว้ในสัญญาแบบปรับราคาได้ครบถ้วนแล้วก็ตาม แต่ผู้รับเหมาก็ไม่สามารถเรียกร้องรัฐบาลให้จ่ายเงินชดเชยได้เสมอไป กล่าวคือ จะต้องคำนวณ "ค่า K" โดยใช้สูตรตามประเภทงานก่อสร้าง ณ เดือนที่ส่งมอบงาน เทียบกับ "ค่า K" เดือนที่เปิดซองประกวดราคา ถ้าการเปลี่ยนแปลงของ "ค่า K" แต่ละงวดงานมีค่ามากกว่าร้อยละ 4 (หรือ 1.04) ผู้รับเหมาจึงจะสามารถนำ "ค่า K" ไปเรียกร้องขอรับเงินชดเชยได้ แต่ขณะเดียวกัน หาก "ค่า K" ของแต่ละงวดงานมีค่าน้อยกว่าร้อยละ 4 (หรือ 0.96) ผู้จ้างเหมาก็จะเรียกค่างานคืนจากผู้รับเหมาในส่วนที่ราคาวัสดุก่อสร้างลดลง โดยอาจใช้วิธีการหักเงินค่างานในงวดถัดไป หรือหักเงินจากหลักประกันสัญญาแล้วแต่กรณี 9. ถาม : การคำนวณค่า K ทำได้อย่างไร ตอบ : คำนวณค่า K จากสูตรตามได้ระบุไว้ในสัญญา โดยใช้ตัวเลขของตัวแปร 13 ตัวแปรที่จัดทำโดยกระทรวงพาณิชย์ เป็นเกณฑ์ในการคำนวณ
ตัวอย่าง การคำนวณเงินชดเชยค่างานก่อสร้างตามสัญญาปรับราคาได้ (ค่า K)
Io = 112.2 , Co = 111.7 , Mo = 126.7 , So = 140.0 สูตรงานอาคาร K = 0.25 + 0.15 It/Io + 0.10 Ct/Co + 0.40 Mt/Mo + 0.10 St/So ส่งงานงวดที่ 1 วันที่ 20 กรกฎาคม 2533 ค่าตัวแปรในเดือนที่ส่งมอบงาน It = 115.8 , Ct = 117.6 , Mt = 132.7 , St = 140.8 K = 0.25 + 0.15(115.8/112.2) + 0.10(117.6/111.7) + 0.40(132.7/126.7) + 0.10(140.8/140.0) = 0.25 + 0.15(1.032) + 0.10 (1.052) + 0.40(1.047) +0.10(1.005) = 0.25 + 0.154 + 0.105 + 0.418 + 0.100 = 1.027 ค่า K เปลี่ยนแปลงไม่เกิน 4% ไม่ได้รับเงินชดเชย ส่งงานงวดที่ 2 วันที่ 5 กันยายน 2533 It = 116.7 , Ct = 127.8 , Mt = 135.1 , St = 140.4 K = 0.25 + 0.15(116.7/112.2) + 0.10(127.8/111.7) + 0.40(135.1/126.7) + 0.10(140.4/140.0) = 0.25 + 0.15(1.040) + 0.10 (1.144) + 0.40(1.066) + 0.10(1.002) = 0.25 + 0.156 + 0.114 + 0.426 + 0.100 = 1.046 ค่า K เปลี่ยนแปลงเกิน 4% เท่ากับ 1.046 - 1.04 = 0.006 จะได้รับเงินชดเชยเพิ่ม = 0.006 X 385,500 = 2,313.- บาท ส่งงานงวดที่ 3 วันที่ 20 ตุลาคม 2533 It = 119.0 , Ct = 167.5 , Mt = 137.2 , St = 140.9 K = 0.25 + 0.15(119.0/112.2) + 0.10(167.5/111.7) + 0.40(137.2/126.7) + 0.10(140.9/140.0) = 0.25 + 0.15(1.060) + 0.10 (1.499) + 0.40(1.082) + 0.10(1.006) = 0.25 + 0.159 + 0.149 + 0.432 + 0.100 = 1.090 ค่า K เปลี่ยนแปลงเกิน 4% เท่ากับ 1.090 - 1.04 = 0.050 จะได้รับเงินชดเชยเพิ่ม = 0.050 X 385,500 = 19,275.- บาท ส่งงานงวดที่ 4 วันที่ 30 พฤศจิกายน 2533 It = 119.5 , Ct = 167.5 , Mt = 137.2 , St = 139.6 K = 0.25 + 0.15(119.5/112.2) + 0.10(167.5/111.7) + 0.40(137.2/126.7) + 0.10(139.6/140.0) = 0.25 + 0.15(1.065) + 0.10 (1.499) + 0.40(1.082) + 0.10(0.997) = 0.25 + 0.159 + 0.149 + 0.432 + 0.099 = 1.089 ค่า K เปลี่ยนแปลงเกิน 4% เท่ากับ 1.089 - 1.04 = 0.049 จะได้รับเงินชดเชยเพิ่ม = 0.049 X 642,500 = 31,482.50 บาท ส่งงานงวดที่ 5 วันที่ 15 มกราคม 2534 It = 119.1 , Ct = 151.7 , Mt = 138.4 , St = 137.1 K = 0.25 + 0.15(119.1/112.2) + 0.10(151.7/111.7) + 0.40(138.4/126.7) + 0.10(137.1/140.0) = 0.25 + 0.15(1.061) + 0.10 (1.358) + 0.40(1.092) + 0.10(0.979) = 0.25 + 0.159 + 0.135 + 0.436 + 0.097 = 1.077 ค่า K เปลี่ยนแปลงเกิน 4% เท่ากับ 1.077 - 1.04 = 0.037 ในงวดนี้ส่งงานพร้อมครุภัณฑ์ 4 รายการ เงิน 149,600.- บาท ประกอบด้วย 1. กระดานดำ 8 ชุด 22,400.- บาท 2. โต๊ะม้านั่งครู 8 ชุด 12,000.- บาท 3. โต๊ะม้านั่งนักเรียน 320 ชุด 112,000.- บาท 4. เครื่องดับเพลิง 2 ชุด 3,200.- บาท รวม 149,600.- บาท ดังนั้น จะได้รับเงินชดเชย = (642,500 - 149,600) X 0.037 = 18,237.30 บาท รวมได้รับเงินชดเชยทั้งสัญญา (5 งวด)= 2,313 + 19,275 + 31,482.50 + 18,237.30 = 71,307.80 บาทกรณีการคืนเงินค่า K สมมุติการส่งงานในงวดที่ 5 (งวดสุดท้าย 15 มกราคม 2534 ) มีค่าดัชนีชุดต่าง ๆ ดังนี้ It = 107.9 , Ct = 110.5 , Mt = 113.2 , St = 135.2 K = 0.25 + 0.15(107.9/112.2) + 0.10(110.5 /111.7) + 0.40(113.2/126.7) + 0.10(135.2/140.0) = 0.25 + 0.15(0.961) + 0.10 (0.989) + 0.40(0.893) + 0.10(0.965) = 0.25 + 0.144 + 0.098 + 0.357 + 0.096 = 0.945 ค่า K เปลี่ยนแปลงต่ำกว่า 4% เท่ากับ 0.96 - 0.945 = 0.015 ในงวดนี้มีค่างานต้องเรียกคืน = (642,500 - 149,600) x 0.015 = 7,393.50 บาท รวมได้รับเงินชดเชยทั้งสัญญา (5 งวด) = 2,313 + 19,275 + 31,482.50 - 7,393.50 = 45,676.50 บาท 10. ถาม : การต่ออายุสัญญางานก่อสร้างจากสัญญาเดิม ผู้รับเหมาจะนำ"ค่า K" มาใช้ในช่วงเวลาที่ต่อสัญญาออกไป เพื่อขอรับเงินชดเชยได้หรือไม่ ตอบ : กรณีที่ผู้รับเหมาไม่สามารถทำงานให้แล้วเสร็จตามสัญญา โดยเหตุสุดวิสัย แต่ส่วนราชการผู้ว่าจ้างอนุมัติให้มีการต่อสัญญา และสัญญาดังกล่าวเป็นสัญญาแบบปรับราคาได้ ผู้รับเหมาก็สามารถนำ "ค่า K" มาคำนวณเพื่อขอรับเงินชดเชยในช่วงเวลาที่ต่อสัญญาออกไปได้เช่นกัน 11. ถาม : ถ้ารัฐบาลไม่สามารถจ่ายเงินชดเชยให้ผู้รับเหมาได้ทันในปีงบประมาณที่ส่งมอบงาน แต่จะจ่ายให้ในปีงบประมาณถัดไป ผู้รับเหมาจะขอคิดดอกเบี้ยกับรัฐบาลได้หรือไม่ ตอบ : การจ่ายเงินชดเชยให้ผู้รับเหมาในกรณีที่ใช้สัญญาแบบปรับราคาได้นั้น หากรัฐบาลต้องจ่ายเงินชดเชยข้ามปีงบประมาณ ผู้รับเหมาไม่สามารถคิดดอกเบี้ยจากรัฐบาลได้ และเป็นหน้าที่ของผู้รับเหมาที่จะต้องรีบติดต่อขอรับเงินชดเชยจากสำนักงบประมาณ ภายในกำหนด 90 วัน นับตั้งแต่วันที่ส่งมอบงานงวดสุดท้าย หากพ้นกำหนดนี้ไปแล้วผู้รับเหมาไม่มีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องเงินชดเชยค่างานก่อสร้างจากผู้จ้างเหมาได้อีกต่อไป 12. ถาม : หากมีปัญหาเกี่ยวกับการคำนวณ "ค่า K" จะสามารถสอบถามได้จากที่ใด ตอบ : สอบถามรายละเอียดได้ที่สำนักมาตรฐานงบประมาณ สำนักงบประมาณ ถนนพระรามที่ 6 กรุงเทพฯ 10400 โทรศัพท์ 02-273-9027 13. ถาม : ถ้าประสงค์จะได้ดัชนีในการคำนวณหา "ค่า K" และขอทราบข้อมูลเพิ่มเติมจะติดต่อที่ใด ตอบ : สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นหน่วยงานรับผิดชอบในการจัดทำดัชนีเพื่อใช้ประกอบในการคำนวณหา "ค่า K" เผยแพร่เป็นประจำทุกเดือน โดยจะเผยแพร่ไม่เกิน 2 วันทำการของเดือนถัดไป และวางจำหน่าย ณ สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า (ห้อง 21203) อาคาร 1 ชั้น 12 สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ 44/100 ถนนนนทบุรี 1 อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี11000 ราคาฉบับละ 5 บาท ในส่วนภูมิภาคสามารถติดต่อสอบถามหรือขอถ่ายเอกสารได้จากสำนักงานพาณิชย์จังหวัด ซึ่งไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแต่เจ้าหน้าที่ในสำนักงานจะต้องรับรองสำเนาเนื่องจากตัวแปรนี้เป็นเอกสารทางราชการที่ผู้รับเหมาจะต้องนำไปประกอบการยื่นคำร้องขอเงินชดเชยค่าการก่อสร้าง หากต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติม โปรดติดต่อกลุ่มดัชนีการก่อสร้าง สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โทรศัพท์ 02-507 6719 ในวันและเวลาราชการ ดัชนีราคาเพื่อใช้ประกอบการคำนวณค่า K เดือน ตุลาคม 2564
ความรู้เบื้องต้นเรื่องค่า K
ดัชนีเพื่อใช้ประกอบการคำนวณหา Escalation Factors ( K ) สำหรับสัญญาแบบปรับราคาได้ในการประกวดราคาจ้างเหมาก่อสร้าง "ค่า K" มีบทบาทสำคัญในธุรกิจการก่อสร้างมานาน และทวีความสำคัญมากขึ้นในปัจจุบัน เพราะจากภาวะค่าเงินบาทลอยตัว การปรับเพิ่มอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม ตลอดจนราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจการก่อสร้าง สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า จึงได้จัดทำเอกสาร ถาม - ตอบ "ค่า K" เป็นความรู้เบื้องต้นแก่ผู้สนใจ 1. ถาม : ESCALATION FACTOR หรือ "ค่า K" คืออะไร ตอบ : คือ ตัวเลขดัชนีที่ใช้วัดการเปลี่ยนแปลงของค่างาน ณ ระยะเวลาที่ผู้รับเหมาก่อสร้างเปิดซองประกวดราคาได้ เปรียบเทียบกับระยะเวลาที่ส่งงานในแต่ละงวด โดยมีเงื่อนไขสำคัญ ดังนี้ (1) จะใช้ "ค่า K" ได้เฉพาะในกรณีที่ผู้รับเหมารับงานจากส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานอื่นที่มีกฎหมายบัญญัติให้มีฐานะเป็นราชการบริหารส่วนท้องถิ่นเท่านั้น (2) ในการทำสัญญาว่าจ้าง คู่สัญญาจะต้องระบุในสัญญาให้ชัดเจนว่า เป็นสัญญาแบบปรับราคาได้ในการประกวดราคาจ้างเหมาก่อสร้าง 2. ถาม : "ค่า K" มีความเป็นมาอย่างไร ตอบ : การนำ "ค่า K" มาใช้ เริ่มจากในช่วงปี 2516 - 2517 เกิดวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจ โดยน้ำมันและวัสดุก่อสร้างสำคัญ คือ เหล็กสำเร็จรูปต่างๆ ขาดแคลนและราคาสูงขึ้นมาก ส่งผลกระทบต่อธุรกิจก่อสร้างโดยตรงและรุนแรง ผู้รับเหมาต่างได้รับความเดือดร้อน บางรายหยุดดำเนินการ บางรายละทิ้งงาน เพราะไม่สามารถรับภาระขาดทุนได้ ขณะเดียวกัน ผู้จ้างเหมาก็ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติให้นำ "ค่า K" มาใช้ เพื่อช่วยเหลือผู้รับเหมาให้ได้รับการชดเชยค่าเสียหาย ทั้งนี้มีคณะอนุกรรมการเป็นผู้กำหนด หลักเกณฑ์ เงื่อนไข สูตร ประเภท และลักษณะงานที่เข้าข่ายสามารถขอรับเงินชดเชยจากรัฐบาลได้ จนถึงปี 2524 รัฐบาลได้ประกาศยกเลิกการใช้ "ค่า K" เนื่องจากวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจกลับเข้าสู่ภาวะปกติ อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2532 คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้นำ "ค่า K" มาใช้อีกครั้ง เนื่องจากผลของภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัวในอัตราสูง ก่อให้เกิดการลงทุนอย่างมากในธุรกิจหลายสาขา โดยเฉพาะธุรกิจการก่อสร้าง เพื่อรองรับเศรษฐกิจที่ขยายตัว เป็นเหตุให้วัสดุก่อสร้างสำคัญ คือ เหล็กเส้นขาดแคลนและราคาสูงขึ้นมากอย่างต่อเนื่อง ผู้ประกอบการธุรกิจก่อสร้างได้รับความเดือดร้อน รัฐบาลจึงให้ความช่วยเหลือโดยมีมติดังกล่าว ให้ใช้ "ค่า K" มาจนถึงปัจจุบัน 3. ถาม : องค์ประกอบ "ค่า K" มีอะไรบ้าง ตอบ : "ค่า K" ประกอบด้วยตัวแปรต่าง ๆ ดังนี้ M = ดัชนีราคาสินค้าวัสดุก่อสร้าง (ไม่รวมเหล็กและซีเมนต์) S = ดัชนีราคาเหล็ก C = ดัชนีราคาซีเมนต์ G = ดัชนีราคาเหล็กแผ่นเรียบ F = ดัชนีราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว A = ดัชนีราคาแอสฟัลท์ E = ดัชนีราคาเครื่องจักรกลและบริภัณฑ์ GIP = ดัชนีราคาท่อเหล็กอาบสังกะสี AC = ดัชนีราคาท่อซีเมนต์ใยหิน PVC = ดัชนีราคาท่อ PVC PE = ดัชนีราคาท่อ HYDENSITY POLYETHYLENE W = ดัชนีราคาสายไฟฟ้า I = ดัชนีราคาผู้บริโภคของประเทศ 4. ถาม : "ค่า K" นอกจากจะให้ประโยชน์แก่ผู้รับเหมาแล้ว ในส่วนของผู้จ้างเหมาจะได้รับประโยชน์ด้วยหรือไม่ อย่างไร ตอบ : "ค่า K" ใช้เป็นเครื่องมือช่วยเหลือทั้งผู้รับเหมาและผู้จ้างเหมาไปพร้อมกัน กล่าวคือ ช่วยลดความเสี่ยงของผู้รับเหมา กรณีที่ได้รับความเดือดร้อนจากวัสดุก่อสร้างมีราคาสูงขึ้น โดยให้ได้รับการชดเชยในส่วนของผลต่างราคาวัสดุก่อสร้าง ณ วันที่ประกวดราคาได้ เทียบกับวันส่งมอบงานในแต่ละงวด ขณะเดียวกันผู้จ้างเหมาใช้ "ค่า K" เป็นเครื่องมือป้องกันมิให้ผู้รับเหมาเอาเปรียบ โดยการบวกราคาวัสดุก่อสร้างเผื่อการเปลี่ยนแปลงไว้ล่วงหน้ามากจนเกินไป 5. ถาม : งานก่อสร้างประเภทใดบ้าง ที่อยู่ในเงื่อนไขสามารถใช้ "ค่า K" ตอบ : งานก่อสร้างที่จะสามารถนำ "ค่า K" มาคำนวณเพื่อขอรับเงินชดเชยได้ มี 5 ประเภท โดยมีสูตรที่ใช้คำนวณ 35 สูตร ดังนี้ งานอาคาร 1 สูตร งานดิน 3 สูตร งานทาง 7 สูตร งานชลประทาน 7 สูตร งานระบบสาธารณูปโภค 17 สูตร ทั้งนี้ รวมถึงงานปรับปรุงและซ่อมแซมตามประเภทของงานดังกล่าวด้วย 6. ถาม : การรับเหมาก่อสร้างงานต่างๆ จะทราบได้อย่างไรว่า ประเภทงานนั้นจะใช้สูตรอะไร และจะขอทราบรายละเอียดของสูตรได้จากที่ไหน ตอบ : โดยทั่วไปผู้รับเหมาเมื่อรับงานจากหน่วยงานราชการ หรือรัฐวิสาหกิจ ซึ่งในสัญญาระบุว่า เป็นสัญญาแบบปรับราคาได้ ในสัญญามักจะระบุสูตรสำหรับประเภทงานนั้นๆ เสมอ อย่างไรก็ตาม หากผู้รับเหมาต้องการทราบรายละเอียดสูตรต่างๆ สามารถสอบถามได้ที่ สำนักงบประมาณ สำนักนายกรัฐมนตรี 7. ถาม : ตัวเลขที่ใช้แทนค่าในสูตรแต่ละประเภทงานก่อสร้าง ได้มาอย่างไร ตอบ : ตัวเลขที่ใช้แทนค่าในสูตรแต่ละประเภทงานก่อสร้าง คือ ตัวแปรต่าง ๆ รวม 13 รายการ ซึ่งเป็นองค์ประกอบของ "ค่า K" ( ข้อ 3 ) ดัชนีราคาดังกล่าวจัดทำและเผยแพร่เป็นประจำทุกเดือน โดยสำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงพาณิชย์ 8. ถาม : ผู้รับเหมาก่อสร้างจะเรียกร้องให้รัฐบาลจ่ายเงินชดเชยในทุกกรณีได้หรือไม่ ตอบ : แม้ว่าผู้รับเหมาจะทำสัญญากับผู้จ้างเหมา โดยปฏิบัติตามเงื่อนไข หลักเกณฑ์ ประเภท และลักษณะงานตามที่กำหนดไว้ในสัญญาแบบปรับราคาได้ครบถ้วนแล้วก็ตาม แต่ผู้รับเหมาก็ไม่สามารถเรียกร้องรัฐบาลให้จ่ายเงินชดเชยได้เสมอไป กล่าวคือ จะต้องคำนวณ "ค่า K" โดยใช้สูตรตามประเภทงานก่อสร้าง ณ เดือนที่ส่งมอบงาน เทียบกับ "ค่า K" เดือนที่เปิดซองประกวดราคา ถ้าการเปลี่ยนแปลงของ "ค่า K" แต่ละงวดงานมีค่ามากกว่าร้อยละ 4 (หรือ 1.04) ผู้รับเหมาจึงจะสามารถนำ "ค่า K" ไปเรียกร้องขอรับเงินชดเชยได้ แต่ขณะเดียวกัน หาก "ค่า K" ของแต่ละงวดงานมีค่าน้อยกว่าร้อยละ 4 (หรือ 0.96) ผู้จ้างเหมาก็จะเรียกค่างานคืนจากผู้รับเหมาในส่วนที่ราคาวัสดุก่อสร้างลดลง โดยอาจใช้วิธีการหักเงินค่างานในงวดถัดไป หรือหักเงินจากหลักประกันสัญญาแล้วแต่กรณี 9. ถาม : การคำนวณค่า K ทำได้อย่างไร ตอบ : คำนวณค่า K จากสูตรตามได้ระบุไว้ในสัญญา โดยใช้ตัวเลขของตัวแปร 13 ตัวแปรที่จัดทำโดยกระทรวงพาณิชย์ เป็นเกณฑ์ในการคำนวณ
ตัวอย่าง การคำนวณเงินชดเชยค่างานก่อสร้างตามสัญญาปรับราคาได้ (ค่า K)
Io = 112.2 , Co = 111.7 , Mo = 126.7 , So = 140.0 สูตรงานอาคาร K = 0.25 + 0.15 It/Io + 0.10 Ct/Co + 0.40 Mt/Mo + 0.10 St/So ส่งงานงวดที่ 1 วันที่ 20 กรกฎาคม 2533 ค่าตัวแปรในเดือนที่ส่งมอบงาน It = 115.8 , Ct = 117.6 , Mt = 132.7 , St = 140.8 K = 0.25 + 0.15(115.8/112.2) + 0.10(117.6/111.7) + 0.40(132.7/126.7) + 0.10(140.8/140.0) = 0.25 + 0.15(1.032) + 0.10 (1.052) + 0.40(1.047) +0.10(1.005) = 0.25 + 0.154 + 0.105 + 0.418 + 0.100 = 1.027 ค่า K เปลี่ยนแปลงไม่เกิน 4% ไม่ได้รับเงินชดเชย ส่งงานงวดที่ 2 วันที่ 5 กันยายน 2533 It = 116.7 , Ct = 127.8 , Mt = 135.1 , St = 140.4 K = 0.25 + 0.15(116.7/112.2) + 0.10(127.8/111.7) + 0.40(135.1/126.7) + 0.10(140.4/140.0) = 0.25 + 0.15(1.040) + 0.10 (1.144) + 0.40(1.066) + 0.10(1.002) = 0.25 + 0.156 + 0.114 + 0.426 + 0.100 = 1.046 ค่า K เปลี่ยนแปลงเกิน 4% เท่ากับ 1.046 - 1.04 = 0.006 จะได้รับเงินชดเชยเพิ่ม = 0.006 X 385,500 = 2,313.- บาท ส่งงานงวดที่ 3 วันที่ 20 ตุลาคม 2533 It = 119.0 , Ct = 167.5 , Mt = 137.2 , St = 140.9 K = 0.25 + 0.15(119.0/112.2) + 0.10(167.5/111.7) + 0.40(137.2/126.7) + 0.10(140.9/140.0) = 0.25 + 0.15(1.060) + 0.10 (1.499) + 0.40(1.082) + 0.10(1.006) = 0.25 + 0.159 + 0.149 + 0.432 + 0.100 = 1.090 ค่า K เปลี่ยนแปลงเกิน 4% เท่ากับ 1.090 - 1.04 = 0.050 จะได้รับเงินชดเชยเพิ่ม = 0.050 X 385,500 = 19,275.- บาท ส่งงานงวดที่ 4 วันที่ 30 พฤศจิกายน 2533 It = 119.5 , Ct = 167.5 , Mt = 137.2 , St = 139.6 K = 0.25 + 0.15(119.5/112.2) + 0.10(167.5/111.7) + 0.40(137.2/126.7) + 0.10(139.6/140.0) = 0.25 + 0.15(1.065) + 0.10 (1.499) + 0.40(1.082) + 0.10(0.997) = 0.25 + 0.159 + 0.149 + 0.432 + 0.099 = 1.089 ค่า K เปลี่ยนแปลงเกิน 4% เท่ากับ 1.089 - 1.04 = 0.049 จะได้รับเงินชดเชยเพิ่ม = 0.049 X 642,500 = 31,482.50 บาท ส่งงานงวดที่ 5 วันที่ 15 มกราคม 2534 It = 119.1 , Ct = 151.7 , Mt = 138.4 , St = 137.1 K = 0.25 + 0.15(119.1/112.2) + 0.10(151.7/111.7) + 0.40(138.4/126.7) + 0.10(137.1/140.0) = 0.25 + 0.15(1.061) + 0.10 (1.358) + 0.40(1.092) + 0.10(0.979) = 0.25 + 0.159 + 0.135 + 0.436 + 0.097 = 1.077 ค่า K เปลี่ยนแปลงเกิน 4% เท่ากับ 1.077 - 1.04 = 0.037 ในงวดนี้ส่งงานพร้อมครุภัณฑ์ 4 รายการ เงิน 149,600.- บาท ประกอบด้วย 1. กระดานดำ 8 ชุด 22,400.- บาท 2. โต๊ะม้านั่งครู 8 ชุด 12,000.- บาท 3. โต๊ะม้านั่งนักเรียน 320 ชุด 112,000.- บาท 4. เครื่องดับเพลิง 2 ชุด 3,200.- บาท รวม 149,600.- บาท ดังนั้น จะได้รับเงินชดเชย = (642,500 - 149,600) X 0.037 = 18,237.30 บาท รวมได้รับเงินชดเชยทั้งสัญญา (5 งวด)= 2,313 + 19,275 + 31,482.50 + 18,237.30 = 71,307.80 บาทกรณีการคืนเงินค่า K สมมุติการส่งงานในงวดที่ 5 (งวดสุดท้าย 15 มกราคม 2534 ) มีค่าดัชนีชุดต่าง ๆ ดังนี้ It = 107.9 , Ct = 110.5 , Mt = 113.2 , St = 135.2 K = 0.25 + 0.15(107.9/112.2) + 0.10(110.5 /111.7) + 0.40(113.2/126.7) + 0.10(135.2/140.0) = 0.25 + 0.15(0.961) + 0.10 (0.989) + 0.40(0.893) + 0.10(0.965) = 0.25 + 0.144 + 0.098 + 0.357 + 0.096 = 0.945 ค่า K เปลี่ยนแปลงต่ำกว่า 4% เท่ากับ 0.96 - 0.945 = 0.015 ในงวดนี้มีค่างานต้องเรียกคืน = (642,500 - 149,600) x 0.015 = 7,393.50 บาท รวมได้รับเงินชดเชยทั้งสัญญา (5 งวด) = 2,313 + 19,275 + 31,482.50 - 7,393.50 = 45,676.50 บาท 10. ถาม : การต่ออายุสัญญางานก่อสร้างจากสัญญาเดิม ผู้รับเหมาจะนำ"ค่า K" มาใช้ในช่วงเวลาที่ต่อสัญญาออกไป เพื่อขอรับเงินชดเชยได้หรือไม่ ตอบ : กรณีที่ผู้รับเหมาไม่สามารถทำงานให้แล้วเสร็จตามสัญญา โดยเหตุสุดวิสัย แต่ส่วนราชการผู้ว่าจ้างอนุมัติให้มีการต่อสัญญา และสัญญาดังกล่าวเป็นสัญญาแบบปรับราคาได้ ผู้รับเหมาก็สามารถนำ "ค่า K" มาคำนวณเพื่อขอรับเงินชดเชยในช่วงเวลาที่ต่อสัญญาออกไปได้เช่นกัน 11. ถาม : ถ้ารัฐบาลไม่สามารถจ่ายเงินชดเชยให้ผู้รับเหมาได้ทันในปีงบประมาณที่ส่งมอบงาน แต่จะจ่ายให้ในปีงบประมาณถัดไป ผู้รับเหมาจะขอคิดดอกเบี้ยกับรัฐบาลได้หรือไม่ ตอบ : การจ่ายเงินชดเชยให้ผู้รับเหมาในกรณีที่ใช้สัญญาแบบปรับราคาได้นั้น หากรัฐบาลต้องจ่ายเงินชดเชยข้ามปีงบประมาณ ผู้รับเหมาไม่สามารถคิดดอกเบี้ยจากรัฐบาลได้ และเป็นหน้าที่ของผู้รับเหมาที่จะต้องรีบติดต่อขอรับเงินชดเชยจากสำนักงบประมาณ ภายในกำหนด 90 วัน นับตั้งแต่วันที่ส่งมอบงานงวดสุดท้าย หากพ้นกำหนดนี้ไปแล้วผู้รับเหมาไม่มีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องเงินชดเชยค่างานก่อสร้างจากผู้จ้างเหมาได้อีกต่อไป 12. ถาม : หากมีปัญหาเกี่ยวกับการคำนวณ "ค่า K" จะสามารถสอบถามได้จากที่ใด ตอบ : สอบถามรายละเอียดได้ที่สำนักมาตรฐานงบประมาณ สำนักงบประมาณ ถนนพระรามที่ 6 กรุงเทพฯ 10400 โทรศัพท์ 02-273-9027 13. ถาม : ถ้าประสงค์จะได้ดัชนีในการคำนวณหา "ค่า K" และขอทราบข้อมูลเพิ่มเติมจะติดต่อที่ใด ตอบ : สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นหน่วยงานรับผิดชอบในการจัดทำดัชนีเพื่อใช้ประกอบในการคำนวณหา "ค่า K" เผยแพร่เป็นประจำทุกเดือน โดยจะเผยแพร่ไม่เกิน 2 วันทำการของเดือนถัดไป และวางจำหน่าย ณ สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า (ห้อง 21203) อาคาร 1 ชั้น 12 สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ 44/100 ถนนนนทบุรี 1 อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี11000 ราคาฉบับละ 5 บาท ในส่วนภูมิภาคสามารถติดต่อสอบถามหรือขอถ่ายเอกสารได้จากสำนักงานพาณิชย์จังหวัด ซึ่งไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแต่เจ้าหน้าที่ในสำนักงานจะต้องรับรองสำเนาเนื่องจากตัวแปรนี้เป็นเอกสารทางราชการที่ผู้รับเหมาจะต้องนำไปประกอบการยื่นคำร้องขอเงินชดเชยค่าการก่อสร้าง หากต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติม โปรดติดต่อกลุ่มดัชนีการก่อสร้าง สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โทรศัพท์ 02-507 6719 ในวันและเวลาราชการ ดัชนีราคาเพื่อใช้ประกอบการคำนวณค่า K เดือน กรกฎาคม 2564
สนใจสั่งซื้อ โปรแกรมคำนวณเงินชดเชยค่างานก่อสร้าง (ค่า K) 2564
ความรู้เบื้องต้นเรื่องค่า K ดัชนีเพื่อใช้ประกอบการคำนวณหา Escalation Factors ( K ) สำหรับสัญญาแบบปรับราคาได้ในการประกวดราคาจ้างเหมาก่อสร้าง "ค่า K" มีบทบาทสำคัญในธุรกิจการก่อสร้างมานาน และทวีความสำคัญมากขึ้นในปัจจุบัน เพราะจากภาวะค่าเงินบาทลอยตัว การปรับเพิ่มอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม ตลอดจนราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจการก่อสร้าง สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า จึงได้จัดทำเอกสาร ถาม - ตอบ "ค่า K" เป็นความรู้เบื้องต้นแก่ผู้สนใจ 1. ถาม : ESCALATION FACTOR หรือ "ค่า K" คืออะไร ตอบ : คือ ตัวเลขดัชนีที่ใช้วัดการเปลี่ยนแปลงของค่างาน ณ ระยะเวลาที่ผู้รับเหมาก่อสร้างเปิดซองประกวดราคาได้ เปรียบเทียบกับระยะเวลาที่ส่งงานในแต่ละงวด โดยมีเงื่อนไขสำคัญ ดังนี้ (1) จะใช้ "ค่า K" ได้เฉพาะในกรณีที่ผู้รับเหมารับงานจากส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานอื่นที่มีกฎหมายบัญญัติให้มีฐานะเป็นราชการบริหารส่วนท้องถิ่นเท่านั้น (2) ในการทำสัญญาว่าจ้าง คู่สัญญาจะต้องระบุในสัญญาให้ชัดเจนว่า เป็นสัญญาแบบปรับราคาได้ในการประกวดราคาจ้างเหมาก่อสร้าง 2. ถาม : "ค่า K" มีความเป็นมาอย่างไร ตอบ : การนำ "ค่า K" มาใช้ เริ่มจากในช่วงปี 2516 - 2517 เกิดวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจ โดยน้ำมันและวัสดุก่อสร้างสำคัญ คือ เหล็กสำเร็จรูปต่างๆ ขาดแคลนและราคาสูงขึ้นมาก ส่งผลกระทบต่อธุรกิจก่อสร้างโดยตรงและรุนแรง ผู้รับเหมาต่างได้รับความเดือดร้อน บางรายหยุดดำเนินการ บางรายละทิ้งงาน เพราะไม่สามารถรับภาระขาดทุนได้ ขณะเดียวกัน ผู้จ้างเหมาก็ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติให้นำ "ค่า K" มาใช้ เพื่อช่วยเหลือผู้รับเหมาให้ได้รับการชดเชยค่าเสียหาย ทั้งนี้มีคณะอนุกรรมการเป็นผู้กำหนด หลักเกณฑ์ เงื่อนไข สูตร ประเภท และลักษณะงานที่เข้าข่ายสามารถขอรับเงินชดเชยจากรัฐบาลได้ จนถึงปี 2524 รัฐบาลได้ประกาศยกเลิกการใช้ "ค่า K" เนื่องจากวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจกลับเข้าสู่ภาวะปกติ อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2532 คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้นำ "ค่า K" มาใช้อีกครั้ง เนื่องจากผลของภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัวในอัตราสูง ก่อให้เกิดการลงทุนอย่างมากในธุรกิจหลายสาขา โดยเฉพาะธุรกิจการก่อสร้าง เพื่อรองรับเศรษฐกิจที่ขยายตัว เป็นเหตุให้วัสดุก่อสร้างสำคัญ คือ เหล็กเส้นขาดแคลนและราคาสูงขึ้นมากอย่างต่อเนื่อง ผู้ประกอบการธุรกิจก่อสร้างได้รับความเดือดร้อน รัฐบาลจึงให้ความช่วยเหลือโดยมีมติดังกล่าว ให้ใช้ "ค่า K" มาจนถึงปัจจุบัน 3. ถาม : องค์ประกอบ "ค่า K" มีอะไรบ้าง ตอบ : "ค่า K" ประกอบด้วยตัวแปรต่าง ๆ ดังนี้ M = ดัชนีราคาสินค้าวัสดุก่อสร้าง (ไม่รวมเหล็กและซีเมนต์) S = ดัชนีราคาเหล็ก C = ดัชนีราคาซีเมนต์ G = ดัชนีราคาเหล็กแผ่นเรียบ F = ดัชนีราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว A = ดัชนีราคาแอสฟัลท์ E = ดัชนีราคาเครื่องจักรกลและบริภัณฑ์ GIP = ดัชนีราคาท่อเหล็กอาบสังกะสี AC = ดัชนีราคาท่อซีเมนต์ใยหิน PVC = ดัชนีราคาท่อ PVC PE = ดัชนีราคาท่อ HYDENSITY POLYETHYLENE W = ดัชนีราคาสายไฟฟ้า I = ดัชนีราคาผู้บริโภคของประเทศ 4. ถาม : "ค่า K" นอกจากจะให้ประโยชน์แก่ผู้รับเหมาแล้ว ในส่วนของผู้จ้างเหมาจะได้รับประโยชน์ด้วยหรือไม่ อย่างไร ตอบ : "ค่า K" ใช้เป็นเครื่องมือช่วยเหลือทั้งผู้รับเหมาและผู้จ้างเหมาไปพร้อมกัน กล่าวคือ ช่วยลดความเสี่ยงของผู้รับเหมา กรณีที่ได้รับความเดือดร้อนจากวัสดุก่อสร้างมีราคาสูงขึ้น โดยให้ได้รับการชดเชยในส่วนของผลต่างราคาวัสดุก่อสร้าง ณ วันที่ประกวดราคาได้ เทียบกับวันส่งมอบงานในแต่ละงวด ขณะเดียวกันผู้จ้างเหมาใช้ "ค่า K" เป็นเครื่องมือป้องกันมิให้ผู้รับเหมาเอาเปรียบ โดยการบวกราคาวัสดุก่อสร้างเผื่อการเปลี่ยนแปลงไว้ล่วงหน้ามากจนเกินไป 5. ถาม : งานก่อสร้างประเภทใดบ้าง ที่อยู่ในเงื่อนไขสามารถใช้ "ค่า K" ตอบ : งานก่อสร้างที่จะสามารถนำ "ค่า K" มาคำนวณเพื่อขอรับเงินชดเชยได้ มี 5 ประเภท โดยมีสูตรที่ใช้คำนวณ 35 สูตร ดังนี้ งานอาคาร 1 สูตร งานดิน 3 สูตร งานทาง 7 สูตร งานชลประทาน 7 สูตร งานระบบสาธารณูปโภค 17 สูตร ทั้งนี้ รวมถึงงานปรับปรุงและซ่อมแซมตามประเภทของงานดังกล่าวด้วย 6. ถาม : การรับเหมาก่อสร้างงานต่างๆ จะทราบได้อย่างไรว่า ประเภทงานนั้นจะใช้สูตรอะไร และจะขอทราบรายละเอียดของสูตรได้จากที่ไหน ตอบ : โดยทั่วไปผู้รับเหมาเมื่อรับงานจากหน่วยงานราชการ หรือรัฐวิสาหกิจ ซึ่งในสัญญาระบุว่า เป็นสัญญาแบบปรับราคาได้ ในสัญญามักจะระบุสูตรสำหรับประเภทงานนั้นๆ เสมอ อย่างไรก็ตาม หากผู้รับเหมาต้องการทราบรายละเอียดสูตรต่างๆ สามารถสอบถามได้ที่ สำนักงบประมาณ สำนักนายกรัฐมนตรี 7. ถาม : ตัวเลขที่ใช้แทนค่าในสูตรแต่ละประเภทงานก่อสร้าง ได้มาอย่างไร ตอบ : ตัวเลขที่ใช้แทนค่าในสูตรแต่ละประเภทงานก่อสร้าง คือ ตัวแปรต่าง ๆ รวม 13 รายการ ซึ่งเป็นองค์ประกอบของ "ค่า K" ( ข้อ 3 ) ดัชนีราคาดังกล่าวจัดทำและเผยแพร่เป็นประจำทุกเดือน โดยสำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงพาณิชย์ 8. ถาม : ผู้รับเหมาก่อสร้างจะเรียกร้องให้รัฐบาลจ่ายเงินชดเชยในทุกกรณีได้หรือไม่ ตอบ : แม้ว่าผู้รับเหมาจะทำสัญญากับผู้จ้างเหมา โดยปฏิบัติตามเงื่อนไข หลักเกณฑ์ ประเภท และลักษณะงานตามที่กำหนดไว้ในสัญญาแบบปรับราคาได้ครบถ้วนแล้วก็ตาม แต่ผู้รับเหมาก็ไม่สามารถเรียกร้องรัฐบาลให้จ่ายเงินชดเชยได้เสมอไป กล่าวคือ จะต้องคำนวณ "ค่า K" โดยใช้สูตรตามประเภทงานก่อสร้าง ณ เดือนที่ส่งมอบงาน เทียบกับ "ค่า K" เดือนที่เปิดซองประกวดราคา ถ้าการเปลี่ยนแปลงของ "ค่า K" แต่ละงวดงานมีค่ามากกว่าร้อยละ 4 (หรือ 1.04) ผู้รับเหมาจึงจะสามารถนำ "ค่า K" ไปเรียกร้องขอรับเงินชดเชยได้ แต่ขณะเดียวกัน หาก "ค่า K" ของแต่ละงวดงานมีค่าน้อยกว่าร้อยละ 4 (หรือ 0.96) ผู้จ้างเหมาก็จะเรียกค่างานคืนจากผู้รับเหมาในส่วนที่ราคาวัสดุก่อสร้างลดลง โดยอาจใช้วิธีการหักเงินค่างานในงวดถัดไป หรือหักเงินจากหลักประกันสัญญาแล้วแต่กรณี 9. ถาม : การคำนวณค่า K ทำได้อย่างไร ตอบ : คำนวณค่า K จากสูตรตามได้ระบุไว้ในสัญญา โดยใช้ตัวเลขของตัวแปร 13 ตัวแปรที่จัดทำโดยกระทรวงพาณิชย์ เป็นเกณฑ์ในการคำนวณ
ตัวอย่าง การคำนวณเงินชดเชยค่างานก่อสร้างตามสัญญาปรับราคาได้ (ค่า K)
Io = 112.2 , Co = 111.7 , Mo = 126.7 , So = 140.0 สูตรงานอาคาร K = 0.25 + 0.15 It/Io + 0.10 Ct/Co + 0.40 Mt/Mo + 0.10 St/So ส่งงานงวดที่ 1 วันที่ 20 กรกฎาคม 2533 ค่าตัวแปรในเดือนที่ส่งมอบงาน It = 115.8 , Ct = 117.6 , Mt = 132.7 , St = 140.8 K = 0.25 + 0.15(115.8/112.2) + 0.10(117.6/111.7) + 0.40(132.7/126.7) + 0.10(140.8/140.0) = 0.25 + 0.15(1.032) + 0.10 (1.052) + 0.40(1.047) +0.10(1.005) = 0.25 + 0.154 + 0.105 + 0.418 + 0.100 = 1.027 ค่า K เปลี่ยนแปลงไม่เกิน 4% ไม่ได้รับเงินชดเชย ส่งงานงวดที่ 2 วันที่ 5 กันยายน 2533 It = 116.7 , Ct = 127.8 , Mt = 135.1 , St = 140.4 K = 0.25 + 0.15(116.7/112.2) + 0.10(127.8/111.7) + 0.40(135.1/126.7) + 0.10(140.4/140.0) = 0.25 + 0.15(1.040) + 0.10 (1.144) + 0.40(1.066) + 0.10(1.002) = 0.25 + 0.156 + 0.114 + 0.426 + 0.100 = 1.046 ค่า K เปลี่ยนแปลงเกิน 4% เท่ากับ 1.046 - 1.04 = 0.006 จะได้รับเงินชดเชยเพิ่ม = 0.006 X 385,500 = 2,313.- บาท ส่งงานงวดที่ 3 วันที่ 20 ตุลาคม 2533 It = 119.0 , Ct = 167.5 , Mt = 137.2 , St = 140.9 K = 0.25 + 0.15(119.0/112.2) + 0.10(167.5/111.7) + 0.40(137.2/126.7) + 0.10(140.9/140.0) = 0.25 + 0.15(1.060) + 0.10 (1.499) + 0.40(1.082) + 0.10(1.006) = 0.25 + 0.159 + 0.149 + 0.432 + 0.100 = 1.090 ค่า K เปลี่ยนแปลงเกิน 4% เท่ากับ 1.090 - 1.04 = 0.050 จะได้รับเงินชดเชยเพิ่ม = 0.050 X 385,500 = 19,275.- บาท ส่งงานงวดที่ 4 วันที่ 30 พฤศจิกายน 2533 It = 119.5 , Ct = 167.5 , Mt = 137.2 , St = 139.6 K = 0.25 + 0.15(119.5/112.2) + 0.10(167.5/111.7) + 0.40(137.2/126.7) + 0.10(139.6/140.0) = 0.25 + 0.15(1.065) + 0.10 (1.499) + 0.40(1.082) + 0.10(0.997) = 0.25 + 0.159 + 0.149 + 0.432 + 0.099 = 1.089 ค่า K เปลี่ยนแปลงเกิน 4% เท่ากับ 1.089 - 1.04 = 0.049 จะได้รับเงินชดเชยเพิ่ม = 0.049 X 642,500 = 31,482.50 บาท ส่งงานงวดที่ 5 วันที่ 15 มกราคม 2534 It = 119.1 , Ct = 151.7 , Mt = 138.4 , St = 137.1 K = 0.25 + 0.15(119.1/112.2) + 0.10(151.7/111.7) + 0.40(138.4/126.7) + 0.10(137.1/140.0) = 0.25 + 0.15(1.061) + 0.10 (1.358) + 0.40(1.092) + 0.10(0.979) = 0.25 + 0.159 + 0.135 + 0.436 + 0.097 = 1.077 ค่า K เปลี่ยนแปลงเกิน 4% เท่ากับ 1.077 - 1.04 = 0.037 ในงวดนี้ส่งงานพร้อมครุภัณฑ์ 4 รายการ เงิน 149,600.- บาท ประกอบด้วย 1. กระดานดำ 8 ชุด 22,400.- บาท 2. โต๊ะม้านั่งครู 8 ชุด 12,000.- บาท 3. โต๊ะม้านั่งนักเรียน 320 ชุด 112,000.- บาท 4. เครื่องดับเพลิง 2 ชุด 3,200.- บาท รวม 149,600.- บาท ดังนั้น จะได้รับเงินชดเชย = (642,500 - 149,600) X 0.037 = 18,237.30 บาท รวมได้รับเงินชดเชยทั้งสัญญา (5 งวด)= 2,313 + 19,275 + 31,482.50 + 18,237.30 = 71,307.80 บาทกรณีการคืนเงินค่า K สมมุติการส่งงานในงวดที่ 5 (งวดสุดท้าย 15 มกราคม 2534 ) มีค่าดัชนีชุดต่าง ๆ ดังนี้ It = 107.9 , Ct = 110.5 , Mt = 113.2 , St = 135.2 K = 0.25 + 0.15(107.9/112.2) + 0.10(110.5 /111.7) + 0.40(113.2/126.7) + 0.10(135.2/140.0) = 0.25 + 0.15(0.961) + 0.10 (0.989) + 0.40(0.893) + 0.10(0.965) = 0.25 + 0.144 + 0.098 + 0.357 + 0.096 = 0.945 ค่า K เปลี่ยนแปลงต่ำกว่า 4% เท่ากับ 0.96 - 0.945 = 0.015 ในงวดนี้มีค่างานต้องเรียกคืน = (642,500 - 149,600) x 0.015 = 7,393.50 บาท รวมได้รับเงินชดเชยทั้งสัญญา (5 งวด) = 2,313 + 19,275 + 31,482.50 - 7,393.50 = 45,676.50 บาท 10. ถาม : การต่ออายุสัญญางานก่อสร้างจากสัญญาเดิม ผู้รับเหมาจะนำ"ค่า K" มาใช้ในช่วงเวลาที่ต่อสัญญาออกไป เพื่อขอรับเงินชดเชยได้หรือไม่ ตอบ : กรณีที่ผู้รับเหมาไม่สามารถทำงานให้แล้วเสร็จตามสัญญา โดยเหตุสุดวิสัย แต่ส่วนราชการผู้ว่าจ้างอนุมัติให้มีการต่อสัญญา และสัญญาดังกล่าวเป็นสัญญาแบบปรับราคาได้ ผู้รับเหมาก็สามารถนำ "ค่า K" มาคำนวณเพื่อขอรับเงินชดเชยในช่วงเวลาที่ต่อสัญญาออกไปได้เช่นกัน 11. ถาม : ถ้ารัฐบาลไม่สามารถจ่ายเงินชดเชยให้ผู้รับเหมาได้ทันในปีงบประมาณที่ส่งมอบงาน แต่จะจ่ายให้ในปีงบประมาณถัดไป ผู้รับเหมาจะขอคิดดอกเบี้ยกับรัฐบาลได้หรือไม่ ตอบ : การจ่ายเงินชดเชยให้ผู้รับเหมาในกรณีที่ใช้สัญญาแบบปรับราคาได้นั้น หากรัฐบาลต้องจ่ายเงินชดเชยข้ามปีงบประมาณ ผู้รับเหมาไม่สามารถคิดดอกเบี้ยจากรัฐบาลได้ และเป็นหน้าที่ของผู้รับเหมาที่จะต้องรีบติดต่อขอรับเงินชดเชยจากสำนักงบประมาณ ภายในกำหนด 90 วัน นับตั้งแต่วันที่ส่งมอบงานงวดสุดท้าย หากพ้นกำหนดนี้ไปแล้วผู้รับเหมาไม่มีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องเงินชดเชยค่างานก่อสร้างจากผู้จ้างเหมาได้อีกต่อไป 12. ถาม : หากมีปัญหาเกี่ยวกับการคำนวณ "ค่า K" จะสามารถสอบถามได้จากที่ใด ตอบ : สอบถามรายละเอียดได้ที่สำนักมาตรฐานงบประมาณ สำนักงบประมาณ ถนนพระรามที่ 6 กรุงเทพฯ 10400 โทรศัพท์ 02-273-9027 13. ถาม : ถ้าประสงค์จะได้ดัชนีในการคำนวณหา "ค่า K" และขอทราบข้อมูลเพิ่มเติมจะติดต่อที่ใด ตอบ : สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นหน่วยงานรับผิดชอบในการจัดทำดัชนีเพื่อใช้ประกอบในการคำนวณหา "ค่า K" เผยแพร่เป็นประจำทุกเดือน โดยจะเผยแพร่ไม่เกิน 2 วันทำการของเดือนถัดไป และวางจำหน่าย ณ สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า (ห้อง 21203) อาคาร 1 ชั้น 12 สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ 44/100 ถนนนนทบุรี 1 อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี11000 ราคาฉบับละ 5 บาท ในส่วนภูมิภาคสามารถติดต่อสอบถามหรือขอถ่ายเอกสารได้จากสำนักงานพาณิชย์จังหวัด ซึ่งไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแต่เจ้าหน้าที่ในสำนักงานจะต้องรับรองสำเนาเนื่องจากตัวแปรนี้เป็นเอกสารทางราชการที่ผู้รับเหมาจะต้องนำไปประกอบการยื่นคำร้องขอเงินชดเชยค่าการก่อสร้าง หากต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติม โปรดติดต่อกลุ่มดัชนีการก่อสร้าง สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โทรศัพท์ 02-507 6719 ในวันและเวลาราชการ ดัชนีราคาเพื่อใช้ประกอบการคำนวณค่า K เดือนธันวาคม 2563
ความรู้เบื้องต้นเรื่องค่า K ดัชนีเพื่อใช้ประกอบการคำนวณหา Escalation Factors ( K ) สำหรับสัญญาแบบปรับราคาได้ในการประกวดราคาจ้างเหมาก่อสร้าง "ค่า K" มีบทบาทสำคัญในธุรกิจการก่อสร้างมานาน และทวีความสำคัญมากขึ้นในปัจจุบัน เพราะจากภาวะค่าเงินบาทลอยตัว การปรับเพิ่มอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม ตลอดจนราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจการก่อสร้าง สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า จึงได้จัดทำเอกสาร ถาม - ตอบ "ค่า K" เป็นความรู้เบื้องต้นแก่ผู้สนใจ 1. ถาม : ESCALATION FACTOR หรือ "ค่า K" คืออะไร ตอบ : คือ ตัวเลขดัชนีที่ใช้วัดการเปลี่ยนแปลงของค่างาน ณ ระยะเวลาที่ผู้รับเหมาก่อสร้างเปิดซองประกวดราคาได้ เปรียบเทียบกับระยะเวลาที่ส่งงานในแต่ละงวด โดยมีเงื่อนไขสำคัญ ดังนี้ (1) จะใช้ "ค่า K" ได้เฉพาะในกรณีที่ผู้รับเหมารับงานจากส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานอื่นที่มีกฎหมายบัญญัติให้มีฐานะเป็นราชการบริหารส่วนท้องถิ่นเท่านั้น (2) ในการทำสัญญาว่าจ้าง คู่สัญญาจะต้องระบุในสัญญาให้ชัดเจนว่า เป็นสัญญาแบบปรับราคาได้ในการประกวดราคาจ้างเหมาก่อสร้าง 2. ถาม : "ค่า K" มีความเป็นมาอย่างไร ตอบ : การนำ "ค่า K" มาใช้ เริ่มจากในช่วงปี 2516 - 2517 เกิดวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจ โดยน้ำมันและวัสดุก่อสร้างสำคัญ คือ เหล็กสำเร็จรูปต่างๆ ขาดแคลนและราคาสูงขึ้นมาก ส่งผลกระทบต่อธุรกิจก่อสร้างโดยตรงและรุนแรง ผู้รับเหมาต่างได้รับความเดือดร้อน บางรายหยุดดำเนินการ บางรายละทิ้งงาน เพราะไม่สามารถรับภาระขาดทุนได้ ขณะเดียวกัน ผู้จ้างเหมาก็ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติให้นำ "ค่า K" มาใช้ เพื่อช่วยเหลือผู้รับเหมาให้ได้รับการชดเชยค่าเสียหาย ทั้งนี้มีคณะอนุกรรมการเป็นผู้กำหนด หลักเกณฑ์ เงื่อนไข สูตร ประเภท และลักษณะงานที่เข้าข่ายสามารถขอรับเงินชดเชยจากรัฐบาลได้ จนถึงปี 2524 รัฐบาลได้ประกาศยกเลิกการใช้ "ค่า K" เนื่องจากวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจกลับเข้าสู่ภาวะปกติ อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2532 คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้นำ "ค่า K" มาใช้อีกครั้ง เนื่องจากผลของภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัวในอัตราสูง ก่อให้เกิดการลงทุนอย่างมากในธุรกิจหลายสาขา โดยเฉพาะธุรกิจการก่อสร้าง เพื่อรองรับเศรษฐกิจที่ขยายตัว เป็นเหตุให้วัสดุก่อสร้างสำคัญ คือ เหล็กเส้นขาดแคลนและราคาสูงขึ้นมากอย่างต่อเนื่อง ผู้ประกอบการธุรกิจก่อสร้างได้รับความเดือดร้อน รัฐบาลจึงให้ความช่วยเหลือโดยมีมติดังกล่าว ให้ใช้ "ค่า K" มาจนถึงปัจจุบัน 3. ถาม : องค์ประกอบ "ค่า K" มีอะไรบ้าง ตอบ : "ค่า K" ประกอบด้วยตัวแปรต่าง ๆ ดังนี้ M = ดัชนีราคาสินค้าวัสดุก่อสร้าง (ไม่รวมเหล็กและซีเมนต์) S = ดัชนีราคาเหล็ก C = ดัชนีราคาซีเมนต์ G = ดัชนีราคาเหล็กแผ่นเรียบ F = ดัชนีราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว A = ดัชนีราคาแอสฟัลท์ E = ดัชนีราคาเครื่องจักรกลและบริภัณฑ์ GIP = ดัชนีราคาท่อเหล็กอาบสังกะสี AC = ดัชนีราคาท่อซีเมนต์ใยหิน PVC = ดัชนีราคาท่อ PVC PE = ดัชนีราคาท่อ HYDENSITY POLYETHYLENE W = ดัชนีราคาสายไฟฟ้า I = ดัชนีราคาผู้บริโภคของประเทศ 4. ถาม : "ค่า K" นอกจากจะให้ประโยชน์แก่ผู้รับเหมาแล้ว ในส่วนของผู้จ้างเหมาจะได้รับประโยชน์ด้วยหรือไม่ อย่างไร ตอบ : "ค่า K" ใช้เป็นเครื่องมือช่วยเหลือทั้งผู้รับเหมาและผู้จ้างเหมาไปพร้อมกัน กล่าวคือ ช่วยลดความเสี่ยงของผู้รับเหมา กรณีที่ได้รับความเดือดร้อนจากวัสดุก่อสร้างมีราคาสูงขึ้น โดยให้ได้รับการชดเชยในส่วนของผลต่างราคาวัสดุก่อสร้าง ณ วันที่ประกวดราคาได้ เทียบกับวันส่งมอบงานในแต่ละงวด ขณะเดียวกันผู้จ้างเหมาใช้ "ค่า K" เป็นเครื่องมือป้องกันมิให้ผู้รับเหมาเอาเปรียบ โดยการบวกราคาวัสดุก่อสร้างเผื่อการเปลี่ยนแปลงไว้ล่วงหน้ามากจนเกินไป 5. ถาม : งานก่อสร้างประเภทใดบ้าง ที่อยู่ในเงื่อนไขสามารถใช้ "ค่า K" ตอบ : งานก่อสร้างที่จะสามารถนำ "ค่า K" มาคำนวณเพื่อขอรับเงินชดเชยได้ มี 5 ประเภท โดยมีสูตรที่ใช้คำนวณ 35 สูตร ดังนี้ งานอาคาร 1 สูตร งานดิน 3 สูตร งานทาง 7 สูตร งานชลประทาน 7 สูตร งานระบบสาธารณูปโภค 17 สูตร ทั้งนี้ รวมถึงงานปรับปรุงและซ่อมแซมตามประเภทของงานดังกล่าวด้วย 6. ถาม : การรับเหมาก่อสร้างงานต่างๆ จะทราบได้อย่างไรว่า ประเภทงานนั้นจะใช้สูตรอะไร และจะขอทราบรายละเอียดของสูตรได้จากที่ไหน ตอบ : โดยทั่วไปผู้รับเหมาเมื่อรับงานจากหน่วยงานราชการ หรือรัฐวิสาหกิจ ซึ่งในสัญญาระบุว่า เป็นสัญญาแบบปรับราคาได้ ในสัญญามักจะระบุสูตรสำหรับประเภทงานนั้นๆ เสมอ อย่างไรก็ตาม หากผู้รับเหมาต้องการทราบรายละเอียดสูตรต่างๆ สามารถสอบถามได้ที่ สำนักงบประมาณ สำนักนายกรัฐมนตรี 7. ถาม : ตัวเลขที่ใช้แทนค่าในสูตรแต่ละประเภทงานก่อสร้าง ได้มาอย่างไร ตอบ : ตัวเลขที่ใช้แทนค่าในสูตรแต่ละประเภทงานก่อสร้าง คือ ตัวแปรต่าง ๆ รวม 13 รายการ ซึ่งเป็นองค์ประกอบของ "ค่า K" ( ข้อ 3 ) ดัชนีราคาดังกล่าวจัดทำและเผยแพร่เป็นประจำทุกเดือน โดยสำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงพาณิชย์ 8. ถาม : ผู้รับเหมาก่อสร้างจะเรียกร้องให้รัฐบาลจ่ายเงินชดเชยในทุกกรณีได้หรือไม่ ตอบ : แม้ว่าผู้รับเหมาจะทำสัญญากับผู้จ้างเหมา โดยปฏิบัติตามเงื่อนไข หลักเกณฑ์ ประเภท และลักษณะงานตามที่กำหนดไว้ในสัญญาแบบปรับราคาได้ครบถ้วนแล้วก็ตาม แต่ผู้รับเหมาก็ไม่สามารถเรียกร้องรัฐบาลให้จ่ายเงินชดเชยได้เสมอไป กล่าวคือ จะต้องคำนวณ "ค่า K" โดยใช้สูตรตามประเภทงานก่อสร้าง ณ เดือนที่ส่งมอบงาน เทียบกับ "ค่า K" เดือนที่เปิดซองประกวดราคา ถ้าการเปลี่ยนแปลงของ "ค่า K" แต่ละงวดงานมีค่ามากกว่าร้อยละ 4 (หรือ 1.04) ผู้รับเหมาจึงจะสามารถนำ "ค่า K" ไปเรียกร้องขอรับเงินชดเชยได้ แต่ขณะเดียวกัน หาก "ค่า K" ของแต่ละงวดงานมีค่าน้อยกว่าร้อยละ 4 (หรือ 0.96) ผู้จ้างเหมาก็จะเรียกค่างานคืนจากผู้รับเหมาในส่วนที่ราคาวัสดุก่อสร้างลดลง โดยอาจใช้วิธีการหักเงินค่างานในงวดถัดไป หรือหักเงินจากหลักประกันสัญญาแล้วแต่กรณี 9. ถาม : การคำนวณค่า K ทำได้อย่างไร ตอบ : คำนวณค่า K จากสูตรตามได้ระบุไว้ในสัญญา โดยใช้ตัวเลขของตัวแปร 13 ตัวแปรที่จัดทำโดยกระทรวงพาณิชย์ เป็นเกณฑ์ในการคำนวณ
ตัวอย่าง การคำนวณเงินชดเชยค่างานก่อสร้างตามสัญญาปรับราคาได้ (ค่า K)
Io = 112.2 , Co = 111.7 , Mo = 126.7 , So = 140.0 สูตรงานอาคาร K = 0.25 + 0.15 It/Io + 0.10 Ct/Co + 0.40 Mt/Mo + 0.10 St/So ส่งงานงวดที่ 1 วันที่ 20 กรกฎาคม 2533 ค่าตัวแปรในเดือนที่ส่งมอบงาน It = 115.8 , Ct = 117.6 , Mt = 132.7 , St = 140.8 K = 0.25 + 0.15(115.8/112.2) + 0.10(117.6/111.7) + 0.40(132.7/126.7) + 0.10(140.8/140.0) = 0.25 + 0.15(1.032) + 0.10 (1.052) + 0.40(1.047) +0.10(1.005) = 0.25 + 0.154 + 0.105 + 0.418 + 0.100 = 1.027 ค่า K เปลี่ยนแปลงไม่เกิน 4% ไม่ได้รับเงินชดเชย ส่งงานงวดที่ 2 วันที่ 5 กันยายน 2533 It = 116.7 , Ct = 127.8 , Mt = 135.1 , St = 140.4 K = 0.25 + 0.15(116.7/112.2) + 0.10(127.8/111.7) + 0.40(135.1/126.7) + 0.10(140.4/140.0) = 0.25 + 0.15(1.040) + 0.10 (1.144) + 0.40(1.066) + 0.10(1.002) = 0.25 + 0.156 + 0.114 + 0.426 + 0.100 = 1.046 ค่า K เปลี่ยนแปลงเกิน 4% เท่ากับ 1.046 - 1.04 = 0.006 จะได้รับเงินชดเชยเพิ่ม = 0.006 X 385,500 = 2,313.- บาท ส่งงานงวดที่ 3 วันที่ 20 ตุลาคม 2533 It = 119.0 , Ct = 167.5 , Mt = 137.2 , St = 140.9 K = 0.25 + 0.15(119.0/112.2) + 0.10(167.5/111.7) + 0.40(137.2/126.7) + 0.10(140.9/140.0) = 0.25 + 0.15(1.060) + 0.10 (1.499) + 0.40(1.082) + 0.10(1.006) = 0.25 + 0.159 + 0.149 + 0.432 + 0.100 = 1.090 ค่า K เปลี่ยนแปลงเกิน 4% เท่ากับ 1.090 - 1.04 = 0.050 จะได้รับเงินชดเชยเพิ่ม = 0.050 X 385,500 = 19,275.- บาท ส่งงานงวดที่ 4 วันที่ 30 พฤศจิกายน 2533 It = 119.5 , Ct = 167.5 , Mt = 137.2 , St = 139.6 K = 0.25 + 0.15(119.5/112.2) + 0.10(167.5/111.7) + 0.40(137.2/126.7) + 0.10(139.6/140.0) = 0.25 + 0.15(1.065) + 0.10 (1.499) + 0.40(1.082) + 0.10(0.997) = 0.25 + 0.159 + 0.149 + 0.432 + 0.099 = 1.089 ค่า K เปลี่ยนแปลงเกิน 4% เท่ากับ 1.089 - 1.04 = 0.049 จะได้รับเงินชดเชยเพิ่ม = 0.049 X 642,500 = 31,482.50 บาท ส่งงานงวดที่ 5 วันที่ 15 มกราคม 2534 It = 119.1 , Ct = 151.7 , Mt = 138.4 , St = 137.1 K = 0.25 + 0.15(119.1/112.2) + 0.10(151.7/111.7) + 0.40(138.4/126.7) + 0.10(137.1/140.0) = 0.25 + 0.15(1.061) + 0.10 (1.358) + 0.40(1.092) + 0.10(0.979) = 0.25 + 0.159 + 0.135 + 0.436 + 0.097 = 1.077 ค่า K เปลี่ยนแปลงเกิน 4% เท่ากับ 1.077 - 1.04 = 0.037 ในงวดนี้ส่งงานพร้อมครุภัณฑ์ 4 รายการ เงิน 149,600.- บาท ประกอบด้วย 1. กระดานดำ 8 ชุด 22,400.- บาท 2. โต๊ะม้านั่งครู 8 ชุด 12,000.- บาท 3. โต๊ะม้านั่งนักเรียน 320 ชุด 112,000.- บาท 4. เครื่องดับเพลิง 2 ชุด 3,200.- บาท รวม 149,600.- บาท ดังนั้น จะได้รับเงินชดเชย = (642,500 - 149,600) X 0.037 = 18,237.30 บาท รวมได้รับเงินชดเชยทั้งสัญญา (5 งวด)= 2,313 + 19,275 + 31,482.50 + 18,237.30 = 71,307.80 บาทกรณีการคืนเงินค่า K สมมุติการส่งงานในงวดที่ 5 (งวดสุดท้าย 15 มกราคม 2534 ) มีค่าดัชนีชุดต่าง ๆ ดังนี้ It = 107.9 , Ct = 110.5 , Mt = 113.2 , St = 135.2 K = 0.25 + 0.15(107.9/112.2) + 0.10(110.5 /111.7) + 0.40(113.2/126.7) + 0.10(135.2/140.0) = 0.25 + 0.15(0.961) + 0.10 (0.989) + 0.40(0.893) + 0.10(0.965) = 0.25 + 0.144 + 0.098 + 0.357 + 0.096 = 0.945 ค่า K เปลี่ยนแปลงต่ำกว่า 4% เท่ากับ 0.96 - 0.945 = 0.015 ในงวดนี้มีค่างานต้องเรียกคืน = (642,500 - 149,600) x 0.015 = 7,393.50 บาท รวมได้รับเงินชดเชยทั้งสัญญา (5 งวด) = 2,313 + 19,275 + 31,482.50 - 7,393.50 = 45,676.50 บาท 10. ถาม : การต่ออายุสัญญางานก่อสร้างจากสัญญาเดิม ผู้รับเหมาจะนำ"ค่า K" มาใช้ในช่วงเวลาที่ต่อสัญญาออกไป เพื่อขอรับเงินชดเชยได้หรือไม่ ตอบ : กรณีที่ผู้รับเหมาไม่สามารถทำงานให้แล้วเสร็จตามสัญญา โดยเหตุสุดวิสัย แต่ส่วนราชการผู้ว่าจ้างอนุมัติให้มีการต่อสัญญา และสัญญาดังกล่าวเป็นสัญญาแบบปรับราคาได้ ผู้รับเหมาก็สามารถนำ "ค่า K" มาคำนวณเพื่อขอรับเงินชดเชยในช่วงเวลาที่ต่อสัญญาออกไปได้เช่นกัน 11. ถาม : ถ้ารัฐบาลไม่สามารถจ่ายเงินชดเชยให้ผู้รับเหมาได้ทันในปีงบประมาณที่ส่งมอบงาน แต่จะจ่ายให้ในปีงบประมาณถัดไป ผู้รับเหมาจะขอคิดดอกเบี้ยกับรัฐบาลได้หรือไม่ ตอบ : การจ่ายเงินชดเชยให้ผู้รับเหมาในกรณีที่ใช้สัญญาแบบปรับราคาได้นั้น หากรัฐบาลต้องจ่ายเงินชดเชยข้ามปีงบประมาณ ผู้รับเหมาไม่สามารถคิดดอกเบี้ยจากรัฐบาลได้ และเป็นหน้าที่ของผู้รับเหมาที่จะต้องรีบติดต่อขอรับเงินชดเชยจากสำนักงบประมาณ ภายในกำหนด 90 วัน นับตั้งแต่วันที่ส่งมอบงานงวดสุดท้าย หากพ้นกำหนดนี้ไปแล้วผู้รับเหมาไม่มีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องเงินชดเชยค่างานก่อสร้างจากผู้จ้างเหมาได้อีกต่อไป 12. ถาม : หากมีปัญหาเกี่ยวกับการคำนวณ "ค่า K" จะสามารถสอบถามได้จากที่ใด ตอบ : สอบถามรายละเอียดได้ที่สำนักมาตรฐานงบประมาณ สำนักงบประมาณ ถนนพระรามที่ 6 กรุงเทพฯ 10400 โทรศัพท์ 02-273-9027 13. ถาม : ถ้าประสงค์จะได้ดัชนีในการคำนวณหา "ค่า K" และขอทราบข้อมูลเพิ่มเติมจะติดต่อที่ใด ตอบ : สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นหน่วยงานรับผิดชอบในการจัดทำดัชนีเพื่อใช้ประกอบในการคำนวณหา "ค่า K" เผยแพร่เป็นประจำทุกเดือน โดยจะเผยแพร่ไม่เกิน 2 วันทำการของเดือนถัดไป และวางจำหน่าย ณ สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า (ห้อง 21203) อาคาร 1 ชั้น 12 สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ 44/100 ถนนนนทบุรี 1 อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี11000 ราคาฉบับละ 5 บาท ในส่วนภูมิภาคสามารถติดต่อสอบถามหรือขอถ่ายเอกสารได้จากสำนักงานพาณิชย์จังหวัด ซึ่งไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแต่เจ้าหน้าที่ในสำนักงานจะต้องรับรองสำเนาเนื่องจากตัวแปรนี้เป็นเอกสารทางราชการที่ผู้รับเหมาจะต้องนำไปประกอบการยื่นคำร้องขอเงินชดเชยค่าการก่อสร้าง หากต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติม โปรดติดต่อกลุ่มดัชนีการก่อสร้าง สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โทรศัพท์ 02-507 6719 ในวันและเวลาราชการ ดัชนีราคาเพื่อใช้ประกอบการคำนวณค่า K เดือน พฤษภาคม 2563
ความรู้เบื้องต้นเรื่องค่า K ดัชนีเพื่อใช้ประกอบการคำนวณหา Escalation Factors ( K ) สำหรับสัญญาแบบปรับราคาได้ในการประกวดราคาจ้างเหมาก่อสร้าง "ค่า K" มีบทบาทสำคัญในธุรกิจการก่อสร้างมานาน และทวีความสำคัญมากขึ้นในปัจจุบัน เพราะจากภาวะค่าเงินบาทลอยตัว การปรับเพิ่มอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม ตลอดจนราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจการก่อสร้าง สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า จึงได้จัดทำเอกสาร ถาม - ตอบ "ค่า K" เป็นความรู้เบื้องต้นแก่ผู้สนใจ 1. ถาม : ESCALATION FACTOR หรือ "ค่า K" คืออะไร ตอบ : คือ ตัวเลขดัชนีที่ใช้วัดการเปลี่ยนแปลงของค่างาน ณ ระยะเวลาที่ผู้รับเหมาก่อสร้างเปิดซองประกวดราคาได้ เปรียบเทียบกับระยะเวลาที่ส่งงานในแต่ละงวด โดยมีเงื่อนไขสำคัญ ดังนี้ (1) จะใช้ "ค่า K" ได้เฉพาะในกรณีที่ผู้รับเหมารับงานจากส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานอื่นที่มีกฎหมายบัญญัติให้มีฐานะเป็นราชการบริหารส่วนท้องถิ่นเท่านั้น (2) ในการทำสัญญาว่าจ้าง คู่สัญญาจะต้องระบุในสัญญาให้ชัดเจนว่า เป็นสัญญาแบบปรับราคาได้ในการประกวดราคาจ้างเหมาก่อสร้าง 2. ถาม : "ค่า K" มีความเป็นมาอย่างไร ตอบ : การนำ "ค่า K" มาใช้ เริ่มจากในช่วงปี 2516 - 2517 เกิดวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจ โดยน้ำมันและวัสดุก่อสร้างสำคัญ คือ เหล็กสำเร็จรูปต่างๆ ขาดแคลนและราคาสูงขึ้นมาก ส่งผลกระทบต่อธุรกิจก่อสร้างโดยตรงและรุนแรง ผู้รับเหมาต่างได้รับความเดือดร้อน บางรายหยุดดำเนินการ บางรายละทิ้งงาน เพราะไม่สามารถรับภาระขาดทุนได้ ขณะเดียวกัน ผู้จ้างเหมาก็ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติให้นำ "ค่า K" มาใช้ เพื่อช่วยเหลือผู้รับเหมาให้ได้รับการชดเชยค่าเสียหาย ทั้งนี้มีคณะอนุกรรมการเป็นผู้กำหนด หลักเกณฑ์ เงื่อนไข สูตร ประเภท และลักษณะงานที่เข้าข่ายสามารถขอรับเงินชดเชยจากรัฐบาลได้ จนถึงปี 2524 รัฐบาลได้ประกาศยกเลิกการใช้ "ค่า K" เนื่องจากวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจกลับเข้าสู่ภาวะปกติ อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2532 คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้นำ "ค่า K" มาใช้อีกครั้ง เนื่องจากผลของภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัวในอัตราสูง ก่อให้เกิดการลงทุนอย่างมากในธุรกิจหลายสาขา โดยเฉพาะธุรกิจการก่อสร้าง เพื่อรองรับเศรษฐกิจที่ขยายตัว เป็นเหตุให้วัสดุก่อสร้างสำคัญ คือ เหล็กเส้นขาดแคลนและราคาสูงขึ้นมากอย่างต่อเนื่อง ผู้ประกอบการธุรกิจก่อสร้างได้รับความเดือดร้อน รัฐบาลจึงให้ความช่วยเหลือโดยมีมติดังกล่าว ให้ใช้ "ค่า K" มาจนถึงปัจจุบัน 3. ถาม : องค์ประกอบ "ค่า K" มีอะไรบ้าง ตอบ : "ค่า K" ประกอบด้วยตัวแปรต่าง ๆ ดังนี้ M = ดัชนีราคาสินค้าวัสดุก่อสร้าง (ไม่รวมเหล็กและซีเมนต์) S = ดัชนีราคาเหล็ก C = ดัชนีราคาซีเมนต์ G = ดัชนีราคาเหล็กแผ่นเรียบ F = ดัชนีราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว A = ดัชนีราคาแอสฟัลท์ E = ดัชนีราคาเครื่องจักรกลและบริภัณฑ์ GIP = ดัชนีราคาท่อเหล็กอาบสังกะสี AC = ดัชนีราคาท่อซีเมนต์ใยหิน PVC = ดัชนีราคาท่อ PVC PE = ดัชนีราคาท่อ HYDENSITY POLYETHYLENE W = ดัชนีราคาสายไฟฟ้า I = ดัชนีราคาผู้บริโภคของประเทศ 4. ถาม : "ค่า K" นอกจากจะให้ประโยชน์แก่ผู้รับเหมาแล้ว ในส่วนของผู้จ้างเหมาจะได้รับประโยชน์ด้วยหรือไม่ อย่างไร ตอบ : "ค่า K" ใช้เป็นเครื่องมือช่วยเหลือทั้งผู้รับเหมาและผู้จ้างเหมาไปพร้อมกัน กล่าวคือ ช่วยลดความเสี่ยงของผู้รับเหมา กรณีที่ได้รับความเดือดร้อนจากวัสดุก่อสร้างมีราคาสูงขึ้น โดยให้ได้รับการชดเชยในส่วนของผลต่างราคาวัสดุก่อสร้าง ณ วันที่ประกวดราคาได้ เทียบกับวันส่งมอบงานในแต่ละงวด ขณะเดียวกันผู้จ้างเหมาใช้ "ค่า K" เป็นเครื่องมือป้องกันมิให้ผู้รับเหมาเอาเปรียบ โดยการบวกราคาวัสดุก่อสร้างเผื่อการเปลี่ยนแปลงไว้ล่วงหน้ามากจนเกินไป 5. ถาม : งานก่อสร้างประเภทใดบ้าง ที่อยู่ในเงื่อนไขสามารถใช้ "ค่า K" ตอบ : งานก่อสร้างที่จะสามารถนำ "ค่า K" มาคำนวณเพื่อขอรับเงินชดเชยได้ มี 5 ประเภท โดยมีสูตรที่ใช้คำนวณ 35 สูตร ดังนี้ งานอาคาร 1 สูตร งานดิน 3 สูตร งานทาง 7 สูตร งานชลประทาน 7 สูตร งานระบบสาธารณูปโภค 17 สูตร ทั้งนี้ รวมถึงงานปรับปรุงและซ่อมแซมตามประเภทของงานดังกล่าวด้วย 6. ถาม : การรับเหมาก่อสร้างงานต่างๆ จะทราบได้อย่างไรว่า ประเภทงานนั้นจะใช้สูตรอะไร และจะขอทราบรายละเอียดของสูตรได้จากที่ไหน ตอบ : โดยทั่วไปผู้รับเหมาเมื่อรับงานจากหน่วยงานราชการ หรือรัฐวิสาหกิจ ซึ่งในสัญญาระบุว่า เป็นสัญญาแบบปรับราคาได้ ในสัญญามักจะระบุสูตรสำหรับประเภทงานนั้นๆ เสมอ อย่างไรก็ตาม หากผู้รับเหมาต้องการทราบรายละเอียดสูตรต่างๆ สามารถสอบถามได้ที่ สำนักงบประมาณ สำนักนายกรัฐมนตรี 7. ถาม : ตัวเลขที่ใช้แทนค่าในสูตรแต่ละประเภทงานก่อสร้าง ได้มาอย่างไร ตอบ : ตัวเลขที่ใช้แทนค่าในสูตรแต่ละประเภทงานก่อสร้าง คือ ตัวแปรต่าง ๆ รวม 13 รายการ ซึ่งเป็นองค์ประกอบของ "ค่า K" ( ข้อ 3 ) ดัชนีราคาดังกล่าวจัดทำและเผยแพร่เป็นประจำทุกเดือน โดยสำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงพาณิชย์ 8. ถาม : ผู้รับเหมาก่อสร้างจะเรียกร้องให้รัฐบาลจ่ายเงินชดเชยในทุกกรณีได้หรือไม่ ตอบ : แม้ว่าผู้รับเหมาจะทำสัญญากับผู้จ้างเหมา โดยปฏิบัติตามเงื่อนไข หลักเกณฑ์ ประเภท และลักษณะงานตามที่กำหนดไว้ในสัญญาแบบปรับราคาได้ครบถ้วนแล้วก็ตาม แต่ผู้รับเหมาก็ไม่สามารถเรียกร้องรัฐบาลให้จ่ายเงินชดเชยได้เสมอไป กล่าวคือ จะต้องคำนวณ "ค่า K" โดยใช้สูตรตามประเภทงานก่อสร้าง ณ เดือนที่ส่งมอบงาน เทียบกับ "ค่า K" เดือนที่เปิดซองประกวดราคา ถ้าการเปลี่ยนแปลงของ "ค่า K" แต่ละงวดงานมีค่ามากกว่าร้อยละ 4 (หรือ 1.04) ผู้รับเหมาจึงจะสามารถนำ "ค่า K" ไปเรียกร้องขอรับเงินชดเชยได้ แต่ขณะเดียวกัน หาก "ค่า K" ของแต่ละงวดงานมีค่าน้อยกว่าร้อยละ 4 (หรือ 0.96) ผู้จ้างเหมาก็จะเรียกค่างานคืนจากผู้รับเหมาในส่วนที่ราคาวัสดุก่อสร้างลดลง โดยอาจใช้วิธีการหักเงินค่างานในงวดถัดไป หรือหักเงินจากหลักประกันสัญญาแล้วแต่กรณี 9. ถาม : การคำนวณค่า K ทำได้อย่างไร ตอบ : คำนวณค่า K จากสูตรตามได้ระบุไว้ในสัญญา โดยใช้ตัวเลขของตัวแปร 13 ตัวแปรที่จัดทำโดยกระทรวงพาณิชย์ เป็นเกณฑ์ในการคำนวณ
ตัวอย่าง การคำนวณเงินชดเชยค่างานก่อสร้างตามสัญญาปรับราคาได้ (ค่า K)
Io = 112.2 , Co = 111.7 , Mo = 126.7 , So = 140.0 สูตรงานอาคาร K = 0.25 + 0.15 It/Io + 0.10 Ct/Co + 0.40 Mt/Mo + 0.10 St/So ส่งงานงวดที่ 1 วันที่ 20 กรกฎาคม 2533 ค่าตัวแปรในเดือนที่ส่งมอบงาน It = 115.8 , Ct = 117.6 , Mt = 132.7 , St = 140.8 K = 0.25 + 0.15(115.8/112.2) + 0.10(117.6/111.7) + 0.40(132.7/126.7) + 0.10(140.8/140.0) = 0.25 + 0.15(1.032) + 0.10 (1.052) + 0.40(1.047) +0.10(1.005) = 0.25 + 0.154 + 0.105 + 0.418 + 0.100 = 1.027 ค่า K เปลี่ยนแปลงไม่เกิน 4% ไม่ได้รับเงินชดเชย ส่งงานงวดที่ 2 วันที่ 5 กันยายน 2533 It = 116.7 , Ct = 127.8 , Mt = 135.1 , St = 140.4 K = 0.25 + 0.15(116.7/112.2) + 0.10(127.8/111.7) + 0.40(135.1/126.7) + 0.10(140.4/140.0) = 0.25 + 0.15(1.040) + 0.10 (1.144) + 0.40(1.066) + 0.10(1.002) = 0.25 + 0.156 + 0.114 + 0.426 + 0.100 = 1.046 ค่า K เปลี่ยนแปลงเกิน 4% เท่ากับ 1.046 - 1.04 = 0.006 จะได้รับเงินชดเชยเพิ่ม = 0.006 X 385,500 = 2,313.- บาท ส่งงานงวดที่ 3 วันที่ 20 ตุลาคม 2533 It = 119.0 , Ct = 167.5 , Mt = 137.2 , St = 140.9 K = 0.25 + 0.15(119.0/112.2) + 0.10(167.5/111.7) + 0.40(137.2/126.7) + 0.10(140.9/140.0) = 0.25 + 0.15(1.060) + 0.10 (1.499) + 0.40(1.082) + 0.10(1.006) = 0.25 + 0.159 + 0.149 + 0.432 + 0.100 = 1.090 ค่า K เปลี่ยนแปลงเกิน 4% เท่ากับ 1.090 - 1.04 = 0.050 จะได้รับเงินชดเชยเพิ่ม = 0.050 X 385,500 = 19,275.- บาท ส่งงานงวดที่ 4 วันที่ 30 พฤศจิกายน 2533 It = 119.5 , Ct = 167.5 , Mt = 137.2 , St = 139.6 K = 0.25 + 0.15(119.5/112.2) + 0.10(167.5/111.7) + 0.40(137.2/126.7) + 0.10(139.6/140.0) = 0.25 + 0.15(1.065) + 0.10 (1.499) + 0.40(1.082) + 0.10(0.997) = 0.25 + 0.159 + 0.149 + 0.432 + 0.099 = 1.089 ค่า K เปลี่ยนแปลงเกิน 4% เท่ากับ 1.089 - 1.04 = 0.049 จะได้รับเงินชดเชยเพิ่ม = 0.049 X 642,500 = 31,482.50 บาท ส่งงานงวดที่ 5 วันที่ 15 มกราคม 2534 It = 119.1 , Ct = 151.7 , Mt = 138.4 , St = 137.1 K = 0.25 + 0.15(119.1/112.2) + 0.10(151.7/111.7) + 0.40(138.4/126.7) + 0.10(137.1/140.0) = 0.25 + 0.15(1.061) + 0.10 (1.358) + 0.40(1.092) + 0.10(0.979) = 0.25 + 0.159 + 0.135 + 0.436 + 0.097 = 1.077 ค่า K เปลี่ยนแปลงเกิน 4% เท่ากับ 1.077 - 1.04 = 0.037 ในงวดนี้ส่งงานพร้อมครุภัณฑ์ 4 รายการ เงิน 149,600.- บาท ประกอบด้วย 1. กระดานดำ 8 ชุด 22,400.- บาท 2. โต๊ะม้านั่งครู 8 ชุด 12,000.- บาท 3. โต๊ะม้านั่งนักเรียน 320 ชุด 112,000.- บาท 4. เครื่องดับเพลิง 2 ชุด 3,200.- บาท รวม 149,600.- บาท ดังนั้น จะได้รับเงินชดเชย = (642,500 - 149,600) X 0.037 = 18,237.30 บาท รวมได้รับเงินชดเชยทั้งสัญญา (5 งวด)= 2,313 + 19,275 + 31,482.50 + 18,237.30 = 71,307.80 บาทกรณีการคืนเงินค่า K สมมุติการส่งงานในงวดที่ 5 (งวดสุดท้าย 15 มกราคม 2534 ) มีค่าดัชนีชุดต่าง ๆ ดังนี้ It = 107.9 , Ct = 110.5 , Mt = 113.2 , St = 135.2 K = 0.25 + 0.15(107.9/112.2) + 0.10(110.5 /111.7) + 0.40(113.2/126.7) + 0.10(135.2/140.0) = 0.25 + 0.15(0.961) + 0.10 (0.989) + 0.40(0.893) + 0.10(0.965) = 0.25 + 0.144 + 0.098 + 0.357 + 0.096 = 0.945 ค่า K เปลี่ยนแปลงต่ำกว่า 4% เท่ากับ 0.96 - 0.945 = 0.015 ในงวดนี้มีค่างานต้องเรียกคืน = (642,500 - 149,600) x 0.015 = 7,393.50 บาท รวมได้รับเงินชดเชยทั้งสัญญา (5 งวด) = 2,313 + 19,275 + 31,482.50 - 7,393.50 = 45,676.50 บาท 10. ถาม : การต่ออายุสัญญางานก่อสร้างจากสัญญาเดิม ผู้รับเหมาจะนำ"ค่า K" มาใช้ในช่วงเวลาที่ต่อสัญญาออกไป เพื่อขอรับเงินชดเชยได้หรือไม่ ตอบ : กรณีที่ผู้รับเหมาไม่สามารถทำงานให้แล้วเสร็จตามสัญญา โดยเหตุสุดวิสัย แต่ส่วนราชการผู้ว่าจ้างอนุมัติให้มีการต่อสัญญา และสัญญาดังกล่าวเป็นสัญญาแบบปรับราคาได้ ผู้รับเหมาก็สามารถนำ "ค่า K" มาคำนวณเพื่อขอรับเงินชดเชยในช่วงเวลาที่ต่อสัญญาออกไปได้เช่นกัน 11. ถาม : ถ้ารัฐบาลไม่สามารถจ่ายเงินชดเชยให้ผู้รับเหมาได้ทันในปีงบประมาณที่ส่งมอบงาน แต่จะจ่ายให้ในปีงบประมาณถัดไป ผู้รับเหมาจะขอคิดดอกเบี้ยกับรัฐบาลได้หรือไม่ ตอบ : การจ่ายเงินชดเชยให้ผู้รับเหมาในกรณีที่ใช้สัญญาแบบปรับราคาได้นั้น หากรัฐบาลต้องจ่ายเงินชดเชยข้ามปีงบประมาณ ผู้รับเหมาไม่สามารถคิดดอกเบี้ยจากรัฐบาลได้ และเป็นหน้าที่ของผู้รับเหมาที่จะต้องรีบติดต่อขอรับเงินชดเชยจากสำนักงบประมาณ ภายในกำหนด 90 วัน นับตั้งแต่วันที่ส่งมอบงานงวดสุดท้าย หากพ้นกำหนดนี้ไปแล้วผู้รับเหมาไม่มีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องเงินชดเชยค่างานก่อสร้างจากผู้จ้างเหมาได้อีกต่อไป 12. ถาม : หากมีปัญหาเกี่ยวกับการคำนวณ "ค่า K" จะสามารถสอบถามได้จากที่ใด ตอบ : สอบถามรายละเอียดได้ที่สำนักมาตรฐานงบประมาณ สำนักงบประมาณ ถนนพระรามที่ 6 กรุงเทพฯ 10400 โทรศัพท์ 02-273-9027 13. ถาม : ถ้าประสงค์จะได้ดัชนีในการคำนวณหา "ค่า K" และขอทราบข้อมูลเพิ่มเติมจะติดต่อที่ใด ตอบ : สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นหน่วยงานรับผิดชอบในการจัดทำดัชนีเพื่อใช้ประกอบในการคำนวณหา "ค่า K" เผยแพร่เป็นประจำทุกเดือน โดยจะเผยแพร่ไม่เกิน 2 วันทำการของเดือนถัดไป และวางจำหน่าย ณ สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า (ห้อง 21203) อาคาร 1 ชั้น 12 สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ 44/100 ถนนนนทบุรี 1 อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี11000 ราคาฉบับละ 5 บาท ในส่วนภูมิภาคสามารถติดต่อสอบถามหรือขอถ่ายเอกสารได้จากสำนักงานพาณิชย์จังหวัด ซึ่งไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแต่เจ้าหน้าที่ในสำนักงานจะต้องรับรองสำเนาเนื่องจากตัวแปรนี้เป็นเอกสารทางราชการที่ผู้รับเหมาจะต้องนำไปประกอบการยื่นคำร้องขอเงินชดเชยค่าการก่อสร้าง หากต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติม โปรดติดต่อกลุ่มดัชนีการก่อสร้าง สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โทรศัพท์ 02-507 6719 ในวันและเวลาราชการ ดัชนีราคาเพื่อใช้ประกอบการคำนวณค่า K เดือน มกราคม 2562
ความรู้เบื้องต้นเรื่องค่า K ดัชนีเพื่อใช้ประกอบการคำนวณหา Escalation Factors ( K ) สำหรับสัญญาแบบปรับราคาได้ในการประกวดราคาจ้างเหมาก่อสร้าง "ค่า K" มีบทบาทสำคัญในธุรกิจการก่อสร้างมานาน และทวีความสำคัญมากขึ้นในปัจจุบัน เพราะจากภาวะค่าเงินบาทลอยตัว การปรับเพิ่มอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม ตลอดจนราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจการก่อสร้าง สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า จึงได้จัดทำเอกสาร ถาม - ตอบ "ค่า K" เป็นความรู้เบื้องต้นแก่ผู้สนใจ 1. ถาม : ESCALATION FACTOR หรือ "ค่า K" คืออะไร ตอบ : คือ ตัวเลขดัชนีที่ใช้วัดการเปลี่ยนแปลงของค่างาน ณ ระยะเวลาที่ผู้รับเหมาก่อสร้างเปิดซองประกวดราคาได้ เปรียบเทียบกับระยะเวลาที่ส่งงานในแต่ละงวด โดยมีเงื่อนไขสำคัญ ดังนี้ (1) จะใช้ "ค่า K" ได้เฉพาะในกรณีที่ผู้รับเหมารับงานจากส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานอื่นที่มีกฎหมายบัญญัติให้มีฐานะเป็นราชการบริหารส่วนท้องถิ่นเท่านั้น (2) ในการทำสัญญาว่าจ้าง คู่สัญญาจะต้องระบุในสัญญาให้ชัดเจนว่า เป็นสัญญาแบบปรับราคาได้ในการประกวดราคาจ้างเหมาก่อสร้าง 2. ถาม : "ค่า K" มีความเป็นมาอย่างไร ตอบ : การนำ "ค่า K" มาใช้ เริ่มจากในช่วงปี 2516 - 2517 เกิดวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจ โดยน้ำมันและวัสดุก่อสร้างสำคัญ คือ เหล็กสำเร็จรูปต่างๆ ขาดแคลนและราคาสูงขึ้นมาก ส่งผลกระทบต่อธุรกิจก่อสร้างโดยตรงและรุนแรง ผู้รับเหมาต่างได้รับความเดือดร้อน บางรายหยุดดำเนินการ บางรายละทิ้งงาน เพราะไม่สามารถรับภาระขาดทุนได้ ขณะเดียวกัน ผู้จ้างเหมาก็ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติให้นำ "ค่า K" มาใช้ เพื่อช่วยเหลือผู้รับเหมาให้ได้รับการชดเชยค่าเสียหาย ทั้งนี้มีคณะอนุกรรมการเป็นผู้กำหนด หลักเกณฑ์ เงื่อนไข สูตร ประเภท และลักษณะงานที่เข้าข่ายสามารถขอรับเงินชดเชยจากรัฐบาลได้ จนถึงปี 2524 รัฐบาลได้ประกาศยกเลิกการใช้ "ค่า K" เนื่องจากวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจกลับเข้าสู่ภาวะปกติ อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2532 คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้นำ "ค่า K" มาใช้อีกครั้ง เนื่องจากผลของภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัวในอัตราสูง ก่อให้เกิดการลงทุนอย่างมากในธุรกิจหลายสาขา โดยเฉพาะธุรกิจการก่อสร้าง เพื่อรองรับเศรษฐกิจที่ขยายตัว เป็นเหตุให้วัสดุก่อสร้างสำคัญ คือ เหล็กเส้นขาดแคลนและราคาสูงขึ้นมากอย่างต่อเนื่อง ผู้ประกอบการธุรกิจก่อสร้างได้รับความเดือดร้อน รัฐบาลจึงให้ความช่วยเหลือโดยมีมติดังกล่าว ให้ใช้ "ค่า K" มาจนถึงปัจจุบัน 3. ถาม : องค์ประกอบ "ค่า K" มีอะไรบ้าง ตอบ : "ค่า K" ประกอบด้วยตัวแปรต่าง ๆ ดังนี้ M = ดัชนีราคาสินค้าวัสดุก่อสร้าง (ไม่รวมเหล็กและซีเมนต์) S = ดัชนีราคาเหล็ก C = ดัชนีราคาซีเมนต์ G = ดัชนีราคาเหล็กแผ่นเรียบ F = ดัชนีราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว A = ดัชนีราคาแอสฟัลท์ E = ดัชนีราคาเครื่องจักรกลและบริภัณฑ์ GIP = ดัชนีราคาท่อเหล็กอาบสังกะสี AC = ดัชนีราคาท่อซีเมนต์ใยหิน PVC = ดัชนีราคาท่อ PVC PE = ดัชนีราคาท่อ HYDENSITY POLYETHYLENE W = ดัชนีราคาสายไฟฟ้า I = ดัชนีราคาผู้บริโภคของประเทศ 4. ถาม : "ค่า K" นอกจากจะให้ประโยชน์แก่ผู้รับเหมาแล้ว ในส่วนของผู้จ้างเหมาจะได้รับประโยชน์ด้วยหรือไม่ อย่างไร ตอบ : "ค่า K" ใช้เป็นเครื่องมือช่วยเหลือทั้งผู้รับเหมาและผู้จ้างเหมาไปพร้อมกัน กล่าวคือ ช่วยลดความเสี่ยงของผู้รับเหมา กรณีที่ได้รับความเดือดร้อนจากวัสดุก่อสร้างมีราคาสูงขึ้น โดยให้ได้รับการชดเชยในส่วนของผลต่างราคาวัสดุก่อสร้าง ณ วันที่ประกวดราคาได้ เทียบกับวันส่งมอบงานในแต่ละงวด ขณะเดียวกันผู้จ้างเหมาใช้ "ค่า K" เป็นเครื่องมือป้องกันมิให้ผู้รับเหมาเอาเปรียบ โดยการบวกราคาวัสดุก่อสร้างเผื่อการเปลี่ยนแปลงไว้ล่วงหน้ามากจนเกินไป 5. ถาม : งานก่อสร้างประเภทใดบ้าง ที่อยู่ในเงื่อนไขสามารถใช้ "ค่า K" ตอบ : งานก่อสร้างที่จะสามารถนำ "ค่า K" มาคำนวณเพื่อขอรับเงินชดเชยได้ มี 5 ประเภท โดยมีสูตรที่ใช้คำนวณ 35 สูตร ดังนี้ งานอาคาร 1 สูตร งานดิน 3 สูตร งานทาง 7 สูตร งานชลประทาน 7 สูตร งานระบบสาธารณูปโภค 17 สูตร ทั้งนี้ รวมถึงงานปรับปรุงและซ่อมแซมตามประเภทของงานดังกล่าวด้วย 6. ถาม : การรับเหมาก่อสร้างงานต่างๆ จะทราบได้อย่างไรว่า ประเภทงานนั้นจะใช้สูตรอะไร และจะขอทราบรายละเอียดของสูตรได้จากที่ไหน ตอบ : โดยทั่วไปผู้รับเหมาเมื่อรับงานจากหน่วยงานราชการ หรือรัฐวิสาหกิจ ซึ่งในสัญญาระบุว่า เป็นสัญญาแบบปรับราคาได้ ในสัญญามักจะระบุสูตรสำหรับประเภทงานนั้นๆ เสมอ อย่างไรก็ตาม หากผู้รับเหมาต้องการทราบรายละเอียดสูตรต่างๆ สามารถสอบถามได้ที่ สำนักงบประมาณ สำนักนายกรัฐมนตรี 7. ถาม : ตัวเลขที่ใช้แทนค่าในสูตรแต่ละประเภทงานก่อสร้าง ได้มาอย่างไร ตอบ : ตัวเลขที่ใช้แทนค่าในสูตรแต่ละประเภทงานก่อสร้าง คือ ตัวแปรต่าง ๆ รวม 13 รายการ ซึ่งเป็นองค์ประกอบของ "ค่า K" ( ข้อ 3 ) ดัชนีราคาดังกล่าวจัดทำและเผยแพร่เป็นประจำทุกเดือน โดยสำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงพาณิชย์ 8. ถาม : ผู้รับเหมาก่อสร้างจะเรียกร้องให้รัฐบาลจ่ายเงินชดเชยในทุกกรณีได้หรือไม่ ตอบ : แม้ว่าผู้รับเหมาจะทำสัญญากับผู้จ้างเหมา โดยปฏิบัติตามเงื่อนไข หลักเกณฑ์ ประเภท และลักษณะงานตามที่กำหนดไว้ในสัญญาแบบปรับราคาได้ครบถ้วนแล้วก็ตาม แต่ผู้รับเหมาก็ไม่สามารถเรียกร้องรัฐบาลให้จ่ายเงินชดเชยได้เสมอไป กล่าวคือ จะต้องคำนวณ "ค่า K" โดยใช้สูตรตามประเภทงานก่อสร้าง ณ เดือนที่ส่งมอบงาน เทียบกับ "ค่า K" เดือนที่เปิดซองประกวดราคา ถ้าการเปลี่ยนแปลงของ "ค่า K" แต่ละงวดงานมีค่ามากกว่าร้อยละ 4 (หรือ 1.04) ผู้รับเหมาจึงจะสามารถนำ "ค่า K" ไปเรียกร้องขอรับเงินชดเชยได้ แต่ขณะเดียวกัน หาก "ค่า K" ของแต่ละงวดงานมีค่าน้อยกว่าร้อยละ 4 (หรือ 0.96) ผู้จ้างเหมาก็จะเรียกค่างานคืนจากผู้รับเหมาในส่วนที่ราคาวัสดุก่อสร้างลดลง โดยอาจใช้วิธีการหักเงินค่างานในงวดถัดไป หรือหักเงินจากหลักประกันสัญญาแล้วแต่กรณี 9. ถาม : การคำนวณค่า K ทำได้อย่างไร ตอบ : คำนวณค่า K จากสูตรตามได้ระบุไว้ในสัญญา โดยใช้ตัวเลขของตัวแปร 13 ตัวแปรที่จัดทำโดยกระทรวงพาณิชย์ เป็นเกณฑ์ในการคำนวณ
ตัวอย่าง การคำนวณเงินชดเชยค่างานก่อสร้างตามสัญญาปรับราคาได้ (ค่า K)
Io = 112.2 , Co = 111.7 , Mo = 126.7 , So = 140.0 สูตรงานอาคาร K = 0.25 + 0.15 It/Io + 0.10 Ct/Co + 0.40 Mt/Mo + 0.10 St/So ส่งงานงวดที่ 1 วันที่ 20 กรกฎาคม 2533 ค่าตัวแปรในเดือนที่ส่งมอบงาน It = 115.8 , Ct = 117.6 , Mt = 132.7 , St = 140.8 K = 0.25 + 0.15(115.8/112.2) + 0.10(117.6/111.7) + 0.40(132.7/126.7) + 0.10(140.8/140.0) = 0.25 + 0.15(1.032) + 0.10 (1.052) + 0.40(1.047) +0.10(1.005) = 0.25 + 0.154 + 0.105 + 0.418 + 0.100 = 1.027 ค่า K เปลี่ยนแปลงไม่เกิน 4% ไม่ได้รับเงินชดเชย ส่งงานงวดที่ 2 วันที่ 5 กันยายน 2533 It = 116.7 , Ct = 127.8 , Mt = 135.1 , St = 140.4 K = 0.25 + 0.15(116.7/112.2) + 0.10(127.8/111.7) + 0.40(135.1/126.7) + 0.10(140.4/140.0) = 0.25 + 0.15(1.040) + 0.10 (1.144) + 0.40(1.066) + 0.10(1.002) = 0.25 + 0.156 + 0.114 + 0.426 + 0.100 = 1.046 ค่า K เปลี่ยนแปลงเกิน 4% เท่ากับ 1.046 - 1.04 = 0.006 จะได้รับเงินชดเชยเพิ่ม = 0.006 X 385,500 = 2,313.- บาท ส่งงานงวดที่ 3 วันที่ 20 ตุลาคม 2533 It = 119.0 , Ct = 167.5 , Mt = 137.2 , St = 140.9 K = 0.25 + 0.15(119.0/112.2) + 0.10(167.5/111.7) + 0.40(137.2/126.7) + 0.10(140.9/140.0) = 0.25 + 0.15(1.060) + 0.10 (1.499) + 0.40(1.082) + 0.10(1.006) = 0.25 + 0.159 + 0.149 + 0.432 + 0.100 = 1.090 ค่า K เปลี่ยนแปลงเกิน 4% เท่ากับ 1.090 - 1.04 = 0.050 จะได้รับเงินชดเชยเพิ่ม = 0.050 X 385,500 = 19,275.- บาท ส่งงานงวดที่ 4 วันที่ 30 พฤศจิกายน 2533 It = 119.5 , Ct = 167.5 , Mt = 137.2 , St = 139.6 K = 0.25 + 0.15(119.5/112.2) + 0.10(167.5/111.7) + 0.40(137.2/126.7) + 0.10(139.6/140.0) = 0.25 + 0.15(1.065) + 0.10 (1.499) + 0.40(1.082) + 0.10(0.997) = 0.25 + 0.159 + 0.149 + 0.432 + 0.099 = 1.089 ค่า K เปลี่ยนแปลงเกิน 4% เท่ากับ 1.089 - 1.04 = 0.049 จะได้รับเงินชดเชยเพิ่ม = 0.049 X 642,500 = 31,482.50 บาท ส่งงานงวดที่ 5 วันที่ 15 มกราคม 2534 It = 119.1 , Ct = 151.7 , Mt = 138.4 , St = 137.1 K = 0.25 + 0.15(119.1/112.2) + 0.10(151.7/111.7) + 0.40(138.4/126.7) + 0.10(137.1/140.0) = 0.25 + 0.15(1.061) + 0.10 (1.358) + 0.40(1.092) + 0.10(0.979) = 0.25 + 0.159 + 0.135 + 0.436 + 0.097 = 1.077 ค่า K เปลี่ยนแปลงเกิน 4% เท่ากับ 1.077 - 1.04 = 0.037 ในงวดนี้ส่งงานพร้อมครุภัณฑ์ 4 รายการ เงิน 149,600.- บาท ประกอบด้วย 1. กระดานดำ 8 ชุด 22,400.- บาท 2. โต๊ะม้านั่งครู 8 ชุด 12,000.- บาท 3. โต๊ะม้านั่งนักเรียน 320 ชุด 112,000.- บาท 4. เครื่องดับเพลิง 2 ชุด 3,200.- บาท รวม 149,600.- บาท ดังนั้น จะได้รับเงินชดเชย = (642,500 - 149,600) X 0.037 = 18,237.30 บาท รวมได้รับเงินชดเชยทั้งสัญญา (5 งวด)= 2,313 + 19,275 + 31,482.50 + 18,237.30 = 71,307.80 บาทกรณีการคืนเงินค่า K สมมุติการส่งงานในงวดที่ 5 (งวดสุดท้าย 15 มกราคม 2534 ) มีค่าดัชนีชุดต่าง ๆ ดังนี้ It = 107.9 , Ct = 110.5 , Mt = 113.2 , St = 135.2 K = 0.25 + 0.15(107.9/112.2) + 0.10(110.5 /111.7) + 0.40(113.2/126.7) + 0.10(135.2/140.0) = 0.25 + 0.15(0.961) + 0.10 (0.989) + 0.40(0.893) + 0.10(0.965) = 0.25 + 0.144 + 0.098 + 0.357 + 0.096 = 0.945 ค่า K เปลี่ยนแปลงต่ำกว่า 4% เท่ากับ 0.96 - 0.945 = 0.015 ในงวดนี้มีค่างานต้องเรียกคืน = (642,500 - 149,600) x 0.015 = 7,393.50 บาท รวมได้รับเงินชดเชยทั้งสัญญา (5 งวด) = 2,313 + 19,275 + 31,482.50 - 7,393.50 = 45,676.50 บาท 10. ถาม : การต่ออายุสัญญางานก่อสร้างจากสัญญาเดิม ผู้รับเหมาจะนำ"ค่า K" มาใช้ในช่วงเวลาที่ต่อสัญญาออกไป เพื่อขอรับเงินชดเชยได้หรือไม่ ตอบ : กรณีที่ผู้รับเหมาไม่สามารถทำงานให้แล้วเสร็จตามสัญญา โดยเหตุสุดวิสัย แต่ส่วนราชการผู้ว่าจ้างอนุมัติให้มีการต่อสัญญา และสัญญาดังกล่าวเป็นสัญญาแบบปรับราคาได้ ผู้รับเหมาก็สามารถนำ "ค่า K" มาคำนวณเพื่อขอรับเงินชดเชยในช่วงเวลาที่ต่อสัญญาออกไปได้เช่นกัน 11. ถาม : ถ้ารัฐบาลไม่สามารถจ่ายเงินชดเชยให้ผู้รับเหมาได้ทันในปีงบประมาณที่ส่งมอบงาน แต่จะจ่ายให้ในปีงบประมาณถัดไป ผู้รับเหมาจะขอคิดดอกเบี้ยกับรัฐบาลได้หรือไม่ ตอบ : การจ่ายเงินชดเชยให้ผู้รับเหมาในกรณีที่ใช้สัญญาแบบปรับราคาได้นั้น หากรัฐบาลต้องจ่ายเงินชดเชยข้ามปีงบประมาณ ผู้รับเหมาไม่สามารถคิดดอกเบี้ยจากรัฐบาลได้ และเป็นหน้าที่ของผู้รับเหมาที่จะต้องรีบติดต่อขอรับเงินชดเชยจากสำนักงบประมาณ ภายในกำหนด 90 วัน นับตั้งแต่วันที่ส่งมอบงานงวดสุดท้าย หากพ้นกำหนดนี้ไปแล้วผู้รับเหมาไม่มีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องเงินชดเชยค่างานก่อสร้างจากผู้จ้างเหมาได้อีกต่อไป 12. ถาม : หากมีปัญหาเกี่ยวกับการคำนวณ "ค่า K" จะสามารถสอบถามได้จากที่ใด ตอบ : สอบถามรายละเอียดได้ที่สำนักมาตรฐานงบประมาณ สำนักงบประมาณ ถนนพระรามที่ 6 กรุงเทพฯ 10400 โทรศัพท์ 02-273-9027 13. ถาม : ถ้าประสงค์จะได้ดัชนีในการคำนวณหา "ค่า K" และขอทราบข้อมูลเพิ่มเติมจะติดต่อที่ใด ตอบ : สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นหน่วยงานรับผิดชอบในการจัดทำดัชนีเพื่อใช้ประกอบในการคำนวณหา "ค่า K" เผยแพร่เป็นประจำทุกเดือน โดยจะเผยแพร่ไม่เกิน 2 วันทำการของเดือนถัดไป และวางจำหน่าย ณ สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า (ห้อง 21203) อาคาร 1 ชั้น 12 สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ 44/100 ถนนนนทบุรี 1 อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี11000 ราคาฉบับละ 5 บาท ในส่วนภูมิภาคสามารถติดต่อสอบถามหรือขอถ่ายเอกสารได้จากสำนักงานพาณิชย์จังหวัด ซึ่งไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแต่เจ้าหน้าที่ในสำนักงานจะต้องรับรองสำเนาเนื่องจากตัวแปรนี้เป็นเอกสารทางราชการที่ผู้รับเหมาจะต้องนำไปประกอบการยื่นคำร้องขอเงินชดเชยค่าการก่อสร้าง หากต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติม โปรดติดต่อกลุ่มดัชนีการก่อสร้าง สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โทรศัพท์ 02-507 6719 ในวันและเวลาราชการ |
Categories
All
|